เพื่อเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ เด็ก ๆ จำเป็นต้องใช้วิธีการที่ถูกต้อง เช่น การเรียนอย่างเป็นระบบ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และการเรียนรู้ผ่านตัวอย่างในชีวิตจริง บทความนี้จึงแบ่งปันวิธีต่าง ๆ ที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้ไวยากรณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ จำได้ง่าย และนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องทั้งในการสื่อสารและการเขียน
การเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างเป็นระบบ
การเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างเป็นระบบสำหรับผู้เริ่มต้น หมายถึง การที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เนื้อหาไวยากรณ์ตามลำดับจากพื้นฐานไปสู่ขั้นสูง ตามลำดับที่มีเหตุผล ช่วยให้เข้าใจง่ายและจดจำได้นาน เมื่อความรู้ถูกจัดเรียงอย่างมีแบบแผน เด็กจะเข้าใจความเชื่อมโยงของหัวข้อไวยากรณ์ต่าง ๆ และสามารถนำไปใช้จริงได้ แทนที่จะเรียนแบบแยกส่วนหรือไม่เป็นระบบ
ตัวอย่างแผนการเรียนไวยากรณ์แบบเป็นระบบสำหรับเด็ก:
-
ส่วนประกอบประโยคพื้นฐาน: ประธาน – กริยา – กรรม. ตัวอย่าง: I eat apples. (ฉันกินแอปเปิล)
-
กาลปัจจุบันธรรมดา: การผันคำกริยา เติม “-s/-es” สำหรับประธานเอกพจน์บุรุษที่สาม. ตัวอย่าง: She plays piano. (เธอเล่นเปียโน)
-
กาลปัจจุบันต่อเนื่อง: ใช้ “am/is/are + V-ing” เพื่อแสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้น. ตัวอย่าง: He is reading a book. (เขากำลังอ่านหนังสือ)
-
กาลอดีตธรรมดา: การผันคำกริยาเป็นรูปอดีต และวิธีการใช้งาน. ตัวอย่าง: They visited the park yesterday. (พวกเขาไปสวนสาธารณะเมื่อวานนี้)
-
ประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ: การใช้กริยาช่วย “do/does/did”. ตัวอย่าง: Do you like milk? (คุณชอบนมหรือไม่)
การเรียนอย่างเป็นระบบไม่เพียงช่วยให้เด็กทบทวนได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นรากฐานที่มั่นคงในการเรียนโครงสร้างที่ซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต เช่น ประโยคเงื่อนไข, ประโยคถูกกระทำ, หรืออนุประโยคสัมพันธ์
วิธีเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีที่สุดคือการฝึกฝนเป็นประจำ
หากต้องการจดจำไวยากรณ์ภาษาอังกฤษในระยะยาว เด็ก ๆ จำเป็นต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ แทนที่จะเรียนแต่ทฤษฎี การนำไวยากรณ์ไปใช้ทันทีในการพูด การเขียน และทำแบบฝึกหัด จะช่วยให้ความรู้กลายเป็นทักษะที่เป็นธรรมชาติ
ตัวอย่าง:
-
เขียนประโยคทุกวัน: หลังจากเรียน There is/There are ให้เขียน 5 ประโยคเกี่ยวกับห้องนอน
ตัวอย่าง: There is a bed in my room. (ในห้องของฉันมีเตียงหนึ่งเตียง) -
ฝึกพูดตามสถานการณ์: เรียนรู้กาลปัจจุบันต่อเนื่องโดยการบรรยายสิ่งที่กำลังทำ
ตัวอย่าง: I am drawing a picture. (ฉันกำลังวาดภาพ) -
ทำแบบฝึกหัดสั้น ๆ: ทำข้อสอบปรนัยวันละ 5–10 ข้อเพื่อทบทวน
-
เล่นเกมเกี่ยวกับไวยากรณ์: เช่น “Grammar Bingo” หรือ “Sentence Building Cards” เพื่อให้การเรียนสนุกยิ่งขึ้น
การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เด็กใช้ไวยากรณ์ได้อย่างถูกต้อง เป็นธรรมชาติ และคล่องแคล่วมากขึ้นในการสื่อสาร
เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษให้ได้ผลด้วยตัวอย่างจริง
การเรียนรู้ผ่านตัวอย่างช่วยให้เด็กเข้าใจการใช้ไวยากรณ์ได้เร็วขึ้น และจดจำได้ดีกว่าการท่องจำกฎแบบแห้ง ๆ เมื่อลูกเห็นโครงสร้างถูกนำไปใช้ในประโยคจริง ก็จะสามารถจินตนาการและนำไปใช้งานได้ง่ายขึ้น
เช่น โครงสร้าง “be going to + V” ที่ใช้พูดถึงแผนในอนาคต สามารถสอนเด็กให้พูดว่า:
“I’m going to visit my grandma tomorrow.” (ฉันจะไปเยี่ยมคุณยายพรุ่งนี้)
หรือโครงสร้าง “because + clause” ที่ใช้แสดงสาเหตุ อาจใช้ในประโยคว่า:
“She is crying because she lost her toy.” (เธอกำลังร้องไห้เพราะทำของเล่นหาย)
ผสมผสานทักษะการเรียนรู้เข้าด้วยกัน
การเรียนไวยากรณ์โดยผสมผสานทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน ช่วยให้เด็กเข้าใจและนำความรู้ไปใช้ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น การฝึกหลายทักษะพร้อมกันช่วยให้เด็กสร้างทักษะการตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ แทนที่จะเรียนแค่ทฤษฎี
ตัวอย่าง:
-
ฟัง + พูด: ฟังบทสนทนา จดประโยคที่อยู่ในกาลปัจจุบันธรรมดา แล้วฝึกพูดตาม
ตัวอย่าง: I go to school at 7 a.m. (ฉันไปโรงเรียนตอน 7 โมงเช้า) -
อ่าน + เขียน: อ่านนิทานสั้น ขีดเส้นใต้ประโยคที่มีโครงสร้างใหม่ แล้วเขียนย่อหน้าสั้น ๆ โดยใช้โครงสร้างนั้น
ตัวอย่าง: เรียนโครงสร้าง There is/There are → เขียน 5 ประโยคบรรยายห้องของตัวเอง -
ฟัง + เขียน: ฟังข่าวสั้นหรือบทสนทนา แล้วเขียนประโยคหลักออกมา
ตัวอย่าง: She is studying English now. (เธอกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ตอนนี้) -
พูด + เขียน: เล่าเหตุการณ์ในอดีต แล้วเขียนเป็นย่อหน้าโดยใช้กาลอดีตธรรมดา
ตัวอย่าง: We visited the zoo last Sunday. (พวกเราไปสวนสัตว์เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว)
เมื่อเด็กฝึกไวยากรณ์ผ่านทั้ง 4 ทักษะ ความสามารถในการจดจำและใช้งานจะมั่นคงยิ่งขึ้น และยังช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารโดยรวมอีกด้วย
ใช้สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย
การใช้สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายช่วยให้เด็กเข้าถึงไวยากรณ์ภาษาอังกฤษจากหลายมุมมอง ลดความน่าเบื่อจากการเรียนเพียงแหล่งเดียว และทำให้จดจำได้ง่ายและนานยิ่งขึ้น
เด็กจะเรียนรู้ได้ดีขึ้นเมื่อใช้สื่อเหล่านี้ร่วมกัน:
-
หนังสือแบบฝึกหัดไวยากรณ์ที่แบ่งตามระดับ
-
หนังสือการ์ตูนภาษาอังกฤษ
-
วิดีโอแอนิเมชันและเพลงภาษาอังกฤษ
-
แอปเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก
เรียนรู้ไวยากรณ์ให้ได้ผลด้วยการหาข้อผิดพลาดและแก้ไข
การสังเกตและแก้ไขข้อผิดพลาดช่วยให้เด็กหลีกเลี่ยงการทำผิดซ้ำ และเข้าใจการใช้ไวยากรณ์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แทนที่จะเรียนรู้เพียงโครงสร้างที่ถูกต้อง เด็กควรเข้าใจว่าทำไมถึงผิด และจะแก้ไขอย่างไรจึงจะพัฒนาได้รวดเร็วขึ้น
ตัวอย่าง:
-
ผิด: He go to school.
-
ถูก: He goes to school.
ผู้ปกครองหรือครูสามารถถามว่า “หนูลองดูว่าประโยคนี้ผิดตรงไหน?” เพื่อกระตุ้นให้เด็กคิดวิเคราะห์ แทนการบอกคำตอบโดยตรง
ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
การเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไม่สามารถเก่งได้ภายในเวลาอันสั้น เด็กควรฝึกฝนเป็นประจำทุกวัน วันละ 15 - 30 นาที การมีวินัยในการเรียนจะช่วยสะสมความรู้ให้มั่นคง พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างแผนการเรียนรู้:
-
วันนี้: ทบทวนกาลปัจจุบันธรรมดา
-
พรุ่งนี้: เรียนคำบุพบทบอกสถานที่
การเรียนวันละเล็กละน้อยจะช่วยให้สมองจดจำได้ดีขึ้น และหลีกเลี่ยงความเครียดจากการเรียนแบบเร่งรัด
วิธีเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพผ่านนิทานสั้น
เด็กสามารถเรียนรู้ไวยากรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการอ่านและวิเคราะห์นิทานสั้น เนื้อหาในนิทานมักจะใกล้ตัว มีชีวิตชีวา และเข้าใจง่าย ช่วยให้เด็กเห็นการใช้โครงสร้างประโยคในสถานการณ์จริง
ตัวอย่าง:
-
เมื่ออ่านเรื่อง The Very Hungry Caterpillar เด็กจะพบประโยคในกาลอดีตธรรมดา เช่น “He ate through one apple.”
-
ผู้ปกครองสามารถชี้และอธิบายโครงสร้างไวยากรณ์ให้เด็กเข้าใจได้ทันทีขณะอ่านร่วมกัน
เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพผ่านนิทานสั้นกับ Monkey Stories การเรียนไวยากรณ์จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป เมื่อเด็ก ๆ ได้สนุกกับนิทานภาษาอังกฤษมากกว่า 1,000 เรื่องใน Monkey Stories ทุกเรื่องถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันตามหลักไวยากรณ์ ตั้งแต่โครงสร้างง่ายไปจนถึงซับซ้อน ช่วยให้เด็กฝึกทั้งการอ่านจับใจความและเรียนรู้ไวยากรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องท่องจำ แอปพลิเคชันยังมีเสียงอ่านโดยเจ้าของภาษา ภาพประกอบสีสันสดใส และโหมดอ่านแบบโต้ตอบ ที่ให้เด็กฟัง – อ่าน – พูดตาม เพื่อช่วยให้จดจำโครงสร้างไวยากรณ์ได้ง่ายขึ้น เมื่อเด็กได้สัมผัสกับเนื้อเรื่องจริง โครงสร้างประโยคและไวยากรณ์จะถูกฝึกซ้ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถนำไปใช้ได้อย่างคล่องแคล่วทั้งในการพูดและการเขียน สมัครใช้งาน Monkey Stories วันนี้ เพื่อให้ลูกของคุณได้ทดลองเรียนฟรี และเปลี่ยนทุกนิทานให้เป็นบทเรียนไวยากรณ์ที่น่าสนใจ |
เรียนรู้ไวยากรณ์ผ่านภาพยนตร์
การดูภาพยนตร์หรือวิดีโอภาษาอังกฤษที่มีคำบรรยายช่วยให้เด็กได้ทั้งความเพลิดเพลินและเรียนรู้ไวยากรณ์ไปพร้อมกัน บทสนทนาที่เป็นธรรมชาติช่วยให้เด็กเข้าใจการใช้โครงสร้างประโยคของเจ้าของภาษา และจดจำได้ดีกว่าการเรียนแบบทฤษฎีเพียงอย่างเดียว
ตัวอย่าง:
-
ในภาพยนตร์ Finding Nemo เมื่อ Dory พูดว่า “I can speak whale” เด็กจะได้เรียนรู้โครงสร้าง “can + กริยา”
-
การใช้คำบรรยายสองภาษาจะช่วยให้เด็กตามเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้น และเข้าใจโครงสร้างไวยากรณ์ชัดเจนขึ้น
เรียนรู้ไวยากรณ์ผ่านเกม
การเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษผ่านเกมช่วยให้เด็กซึมซับความรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่รู้สึกกดดันเหมือนการเรียนจากตำรา เกมจะสร้างสภาพแวดล้อมที่สนุกสนาน เด็กได้ฝึกใช้โครงสร้างประโยค ประเภทของคำ และการผันกริยาอย่างมีส่วนร่วม เมื่อเด็กได้มีส่วนร่วม แข่งขัน หรือได้รับรางวัล การเรียนรู้ไวยากรณ์ก็จะน่าสนใจมากขึ้น และช่วยเสริมแรงจูงใจในการเรียนระยะยาว
ตัวอย่างเกมที่ช่วยให้เด็กเรียนไวยากรณ์ได้ดี เช่น:
-
Grammar Bingo: เด็กฟังคำหรือประโยค แล้วทำเครื่องหมายตรงโครงสร้างที่ถูกต้องบนกระดานบิงโก
-
Sentence Building Cards: เด็กเรียงบัตรคำเพื่อสร้างประโยคที่สมบูรณ์ตามโครงสร้างที่ได้เรียน
-
Verb Tense Race: แบ่งกลุ่มแข่งขันเติมคำกริยาให้ถูกกาลในประโยคให้เร็วที่สุด
-
เกมกระดานไวยากรณ์: เดินหมากและตอบคำถามไวยากรณ์เพื่อไปถึงเส้นชัย
-
แบบทดสอบออนไลน์: ตอบคำถามปรนัยไวยากรณ์ผ่านแอปเรียนรู้ เช่น Monkey Junior, Kahoot หรือ Quizizz
ตัวอย่าง: เมื่อเรียนกาลปัจจุบันธรรมดา เกม Verb Tense Race อาจให้เด็กเติมประโยคว่า
-
“She ___ (go) to school every day.”
-
คำตอบคือ “goes”
การตอบได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องจะช่วยให้เด็กจดจำการผันกริยาได้อย่างยั่งยืน
พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้านและไวยากรณ์กับ Monkey Junior
Monkey Junior เป็นแอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษชั้นนำสำหรับเด็กอายุ 0 – 11 ปี มีผู้ปกครองมากกว่า 15 ล้านคนจาก 108 ประเทศทั่วโลกไว้วางใจใช้งาน และได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย เช่น GIST Award, ASEAN ICT Gold, KidSAFE Certified และ Mom’s Choice Award
นอกจากช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน อย่างครบถ้วนแล้ว Monkey Junior ยังให้ความสำคัญกับการวางรากฐานไวยากรณ์ที่มั่นคง ผ่านแผนการเรียนรู้ที่เป็นระบบและวิธีการเรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์
จุดเด่นของ Monkey Junior ในการเรียนภาษาอังกฤษและไวยากรณ์:
-
แผนการเรียนรู้ที่เป็นระบบ ตามมาตรฐาน Cambridge มีบทเรียนแบบอินเทอร์แอคทีฟมากกว่า 4,000 บท ตั้งแต่คำศัพท์พื้นฐานไปจนถึงไวยากรณ์ระดับสูง เช่น กาลต่าง ๆ (tenses), ประโยคเงื่อนไข (conditional sentences), ประโยคถูกกระทำ (passive voice) ที่เหมาะสมตามช่วงอายุของเด็กแต่ละคน
-
วิธีเรียนรู้แบบหลายประสาทสัมผัส (Multisensory & Game-Based Learning) ที่ให้เด็กฟัง – มองเห็น – อ่าน – พูด – สัมผัส ช่วยให้จำโครงสร้างไวยากรณ์ได้ดีและใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ
-
เทคโนโลยี AI M‑Speak และ M‑Write ช่วยฝึกออกเสียงและเขียนตามหลักไวยากรณ์ได้อย่างถูกต้อง ทั้งในระดับคำและประโยค โดยเฉพาะเมื่อฝึกโครงสร้างไวยากรณ์เฉพาะ เช่น “responsible for”, “famous for” เป็นต้น
-
รายงานการเรียนรู้แบบละเอียดช่วยให้ผู้ปกครองติดตามพัฒนาการของลูก เห็นจุดแข็ง – จุดที่ควรปรับปรุง และปรับแนวทางการเรียนให้เหมาะสม
ลงทะเบียนทดลองเรียนฟรี 7 วันวันนี้ เพื่อให้ลูกของคุณได้พัฒนาไวยากรณ์และทักษะภาษาอังกฤษอย่างรอบด้านกับ Monkey Junior
ข้อควรระวังในการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษให้เด็ก
เมื่อสอนไวยากรณ์ให้เด็ก ผู้ปกครองและครูควรใส่ใจในปัจจัยเหล่านี้เพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น:
-
เริ่มจากพื้นฐาน เช่น กาลปัจจุบันธรรมดา กาลอดีตธรรมดา ประโยคบอกเล่า – ปฏิเสธ – คำถาม
-
เชื่อมโยงไวยากรณ์กับสถานการณ์จริง เพื่อให้เด็กเข้าใจง่ายและจดจำได้ดีขึ้น
-
หลีกเลี่ยงการเร่งเรียนหรือสอนเนื้อหามากเกินไปในคราวเดียว
-
ใช้วิธีการเรียนแบบมองเห็นและมีปฏิสัมพันธ์ เช่น รูปภาพ วิดีโอ และเกม
-
ส่งเสริมให้เด็กตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยตนเอง
-
ผสมผสานไวยากรณ์เข้ากับ 4 ทักษะ ได้แก่ ฟัง พูด อ่าน เขียน
-
อดทนและสร้างแรงจูงใจให้เด็กมีความสนใจในการเรียนอย่างต่อเนื่อง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ไวยากรณ์จำเป็นสำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มเรียนไหม?
จำเป็น ไวยากรณ์ช่วยให้เด็กสร้างประโยคได้อย่างถูกต้อง และเข้าใจโครงสร้างภาษาอังกฤษตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพูดและเขียน
ควรเริ่มสอนไวยากรณ์ตั้งแต่อายุเท่าไร?
เด็กสามารถเริ่มเรียนรู้ไวยากรณ์ได้ตั้งแต่อายุ 4 – 5 ปี โดยเริ่มจากโครงสร้างง่าย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มระดับความยากตามความสามารถในการเรียนรู้
ควรสอนไวยากรณ์ก่อนคำศัพท์หรือไม่?
ไม่ควร ควรเรียนไวยากรณ์ควบคู่ไปกับคำศัพท์ เพื่อให้เด็กมีทั้งคลังคำและสามารถใช้สร้างประโยคได้
ควรสอนโครงสร้างไวยากรณ์ใหม่บ่อยแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับอายุและระดับการเรียนรู้ของเด็ก โดยทั่วไปควรแนะนำโครงสร้างใหม่หลังจากเด็กเข้าใจและใช้โครงสร้างเดิมได้คล่องแล้ว
การเรียนไวยากรณ์ผ่านเกมมีประสิทธิภาพหรือไม่?
มี เกมช่วยให้เด็กเรียนรู้ไวยากรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ จดจำได้นาน และสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้
บทสรุป
หวังว่าแนวทางในการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่นำเสนอ จะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถสนับสนุนเด็กในการเข้าใจโครงสร้างประโยคและนำไปใช้ได้อย่างมั่นใจ ทั้งยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการสื่อสาร การเขียน และการคิดวิเคราะห์ทางภาษาอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมชาติ