Coordinating conjunctions คืออะไร? การใช้งานและแบบฝึกหัด

Coordinating conjunctions คืออะไร?

Coordinating conjunctions คือคำที่ใช้เชื่อมส่วนประกอบที่มีค่าไวยากรณ์เท่ากันภายในประโยค คำเชื่อมเหล่านี้ช่วยรวมแนวคิดให้กลายเป็นประโยคที่ชัดเจนและลื่นไหลมากขึ้น

ในภาษาอังกฤษมี coordinating conjunctions อยู่ 7 คำที่จดจำได้ด้วยตัวย่อ FANBOYS ได้แก่:

• F - for

• A - and

• N - nor

• B - but

• O - or

• Y - yet

• S - so

ตัวอย่าง:

1. You can choose to have a sandwich or cereal for breakfast.

2. The cake was delicious, so everyone asked for a second slice.

วิธีใช้ coordinating conjunctions ในภาษาอังกฤษ

Coordinating conjunctions ช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดในประโยคให้ราบรื่นขึ้น เมื่อใช้อย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับรูปแบบประโยค และแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความคิดได้อย่างชัดเจน มาดูวิธีการใช้งานกัน:

1. การเชื่อมคำเดี่ยว (Connecting Single Words)

เมื่อ coordinating conjunction เชื่อมคำเดี่ยว คำที่เชื่อมต้องเป็นชนิดเดียวกัน เช่น คำนามกับคำนาม คำกริยากับคำกริยา หรือคำคุณศัพท์กับคำคุณศัพท์ เป็นต้น

ตัวอย่าง: 

Remember to bring an umbrella or raincoat.

ในประโยคนี้ or เชื่อมคำนามสองคำคือ umbrella และ raincoat

2. การเชื่อมวลี (Connecting Phrases)

Coordinating conjunctions ยังสามารถเชื่อมวลีทางไวยากรณ์ เช่น วลีกลุ่มนาม หรือวลีกลุ่มคุณศัพท์ ได้เช่นกัน

ตัวอย่าง:

The cozy armchair and the soft blanket made the room feel warm.

ในที่นี้ and เชื่อมวลีกลุ่มนามสองวลีคือ the cozy armchair และ the soft blanket

3. การเชื่อมประโยคอิสระ (Connecting Independent Clauses)

ประโยคอิสระ (Independent clause) คือประโยคที่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง เมื่อประโยคอิสระสองประโยคมีความสัมพันธ์กัน สามารถใช้ coordinating conjunction เชื่อมระหว่างกันได้ โดยต้องใช้เครื่องหมายจุลภาค (,) ก่อนคำเชื่อม

ตัวอย่าง:

She did not have enough spare time, but she wanted to join the book club.

ในประโยคนี้ but เชื่อมประโยคอิสระสองประโยคพร้อมด้วยเครื่องหมายจุลภาค

รายการคำ coordinating conjunctions และวิธีการใช้งาน

คำทั้งเจ็ดในกลุ่ม FANBOYS ใช้เชื่อมคำ วลี หรืออนุประโยคในประโยคเดียวกัน มาดูวิธีใช้แต่ละคำกัน:

For (เพราะว่า)

ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล โดยประโยคหลัง for จะอธิบายเหตุผลของประโยคแรก

ตัวอย่าง: The garden looks lush, for it has been raining all week.

And (และ)

ใช้เพื่อเพิ่มแนวคิดที่คล้ายกันหรือเชื่อมองค์ประกอบที่มีลักษณะเหมือนกัน หากรายการมีมากกว่าสองรายการ ให้ใส่ and ก่อนรายการสุดท้าย

ตัวอย่าง: She enjoys drinking matcha latte and eating croissants.

Nor (ไม่ทั้งสอง)

ใช้เชื่อมแนวคิดเชิงปฏิเสธสองประโยค เมื่อต้องเชื่อมประโยคอิสระสองประโยค ประโยคหลังต้องกลับลำดับประธานกับกริยา

ตัวอย่าง: She has no time to cook, nor does she enjoy eating out.

But (แต่)

ใช้เพื่อแสดงความขัดแย้งระหว่างแนวคิดสองประโยค

ตัวอย่าง: The cake was delicious but a bit too sweet for my taste.

Or (หรือ)

ใช้แสดงทางเลือกหรือความเป็นไปได้ มักใช้ในประโยคคำถามหรือประโยคเงื่อนไข

ตัวอย่าง: We can take a bus, or we can walk if the weather is nice.

Yet (อย่างไรก็ตาม)

มีความหมายคล้ายกับ but แต่ใช้ในบริบททางการมากกว่า ต้องใส่เครื่องหมายจุลภาค (,) ก่อน yet เมื่อเชื่อมประโยคอิสระ

ตัวอย่าง: She was exhausted, yet she continued working until midnight.

So (ดังนั้น)

ใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์แบบเหตุและผล โดยประโยคที่สองเป็นผลลัพธ์ของประโยคแรก

ตัวอย่าง: Jan failed the exam, so he will have to retake it next semester.

กฎการใช้เครื่องหมายจุลภาคสำหรับ coordinating conjunctions

เพื่อใช้ coordinating conjunctions ได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเกี่ยวกับเครื่องหมายวรรคตอนดังนี้:

ใช้เครื่องหมายจุลภาคก่อน coordinating conjunctions เมื่อ:

• เชื่อมโยงประโยคอิสระสองประโยคเข้าด้วยกัน

• ใช้ในรายการที่มีสามรายการขึ้นไปในประโยคเดียวกัน

ตัวอย่าง: This book was expensive, for it was a limited edition.

ไม่ใช้เครื่องหมายจุลภาคเมื่อ: เชื่อมเพียงสองคำหรือวลีสั้น ๆ เท่านั้น

ตัวอย่าง: He neither drinks coffee nor tea in the morning.

แบบฝึกหัด: coordinating conjunctions ในภาษาอังกฤษ

แบบฝึกหัดที่ 1: เติม coordinating conjunctions ที่เหมาะสมในช่องว่าง

1. Would you want to go out to dinner ___ see a movie?

2. Neither coffee ___ tea are to her taste.

3. He put a lot of effort into studying for the test, ___ he failed.

4. They were too exhausted to go out, ___ they decided to stay home.

5. She enjoys traveling to explore the culture ___ experience the local cuisine.

แบบฝึกหัดที่ 2: รวมประโยคคู่ต่อไปนี้โดยใช้ coordinating conjunctions

1. She loves painting. She does not have much time for it.

2. He was worn out from the day. He continued working into the night.

3. You can take the bus. You can get to school by bicycle.

4. The weather was awful. They canceled the trip.

5. I am not a fan of scary films. My sister also dislikes them.

คำตอบ:

แบบฝึกหัดที่ 1:

1. or

2. nor

3. but

4. so

5. and

แบบฝึกหัดที่ 2:

1. She loves painting, but she does not have much time for it.

2. He was worn out from the day, yet he continued working into the night.

3. You can take the bus, or you can get to school by bicycle.

4. The weather was awful, so they canceled the trip.

5. I am not a fan of scary films, nor is my sister.

Monkey Junior - เส้นทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ครอบคลุมสำหรับเด็ก

Monkey Junior คือแอปเรียนภาษาอังกฤษที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กเริ่มต้นเรียนรู้ได้อย่างมั่นใจ เด็กจะได้ฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน จากคำศัพท์และประโยคง่าย ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เนื้อหามีทั้งภาพ วิดีโอ และเกมที่กระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้ แอปนี้ช่วยให้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุกและไม่กดดัน

ด้วยเทคโนโลยี AI ที่ช่วยตรวจสอบการออกเสียง เด็กสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ปกครองยังสามารถติดตามผลการเรียนและให้กำลังใจลูกได้ตลอดเวลา Monkey Junior ไม่ใช่แค่แอปเรียนภาษา แต่เป็นเพื่อนร่วมทางในทุกก้าวของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็ก

รับส่วนลด 50% ทันที!

เราหวังว่าคู่มือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า coordinating conjunctions คืออะไร วิธีใช้ที่ถูกต้อง และประโยชน์ของมันในการเขียนภาษาอังกฤษ การใช้ coordinating conjunctions อย่างชำนาญจะช่วยให้ประโยคของคุณลื่นไหล ชัดเจน และมีตรรกะมากขึ้น