การออกเสียงอย่างถูกต้องเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนหรือการทำงานได้ดี เพื่อที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ดี ผู้เรียนจำเป็นต้องเข้าใจกฎการออกเสียงตามสัทอักษรภาษาอังกฤษ IPA ซึ่งประกอบด้วยเสียงสระ (vowel sounds) 20 เสียง และเสียงพยัญชนะ (consonant sounds) 24 เสียง ในบทความนี้ ผู้เขียนจะแนะนำวิธีออกเสียงตัว d ในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องที่สุด
วิธีการออกเสียง 'd' อย่างถูกต้องในภาษาอังกฤษ
-
ขั้นตอนที่ 1: หุบฟันบนและล่างให้แน่น
-
ขั้นตอนที่ 2: ยกปลายลิ้นขึ้นและสัมผัสกับรากฟันของฟันหน้าบน
-
ขันตอนที่ 3: ลดปลายลิ้นลงเพื่อออกเสียง /d/
→ นี่เป็นเสียงที่มีการสั่นสะเทือน (voiced sound) ดังนั้น เมื่อออกเสียง ผู้เรียนจะไม่รู้สึกว่ามีลมหายใจพุ่งเข้าไปในฝ่ามือ
แหล่งข้อมูล: English Language Club
7 กฎการออกเสียง 'd' ที่ถูกต้องที่สุด
ตัวอักษร D จะมีหลายกฎการออกเสียงที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งในคำและการรวมกับเสียงอื่น ๆ แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ยากเกินไปที่จะจดจำสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ
การเข้าใจกฎเหล่านี้จะช่วยให้คุณออกเสียงคำที่มีลงท้ายด้วย "ed" ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
มาค้นหากฎการออกเสียง 'd' ที่ถูกต้องกันเถอะ!
1. กฎที่ 1: ตัวอักษร D จะออกเสียงเป็น /d/ เมื่อมันอยู่ที่ต้นพยางค์
ตัว D จะออกเสียงเป็น /d/ เมื่อมันอยู่ที่ต้นพยางค์ โดยมีตัวอย่างดังนี้:
-
Adorable (adj): /əˈdɔː.rə.bəl/: น่ารัก
-
Destination (n): /ˌdes.tɪˈneɪ.ʃən/: จุดหมาย
-
Decorate (v): /ˈdek.ə.reɪt/: ตกแต่ง
-
Dance (v): /dɑːns/: เต้น, เต้นรำ
-
Daughter (n): /ˈdɔː.tər/: ลูกสาว
-
Diagram (n): /ˈdaɪ.ə.ɡræm/: แผนภาพ
-
Difficult (adj): /ˈdɪf.ɪ.kəlt/: ยาก
-
Donate (v): /dəʊˈneɪt/: บริจาค
-
Duplicate (v): /ˈdʒuː.plɪ.keɪt/: ทำซ้ำ
-
Decade (n): /ˈdek.eɪd/: ทศวรรษ
2. กฎที่ 2: เมื่อมีตัวอักษร DD มักจะออกเสียงเป็น /d/
การออกเสียง /d/ จะใช้ในกรณีที่มีตัวอักษร dd อยู่ในคำ ตัว dd จะออกเสียงเป็น /d/ เช่นกัน
ตัวอย่างคำที่มี dd และออกเสียงเป็น /d/:
-
Add (v): /æd/: เพิ่ม
-
Addict (v): /ˈæd.ɪkt/: ติด, เสพติด
-
Additional (adj): /əˈdɪʃ.ən.əl/: เพิ่มเติม
-
Address (n): /əˈdres/: ที่อยู่
-
Bladder (n): /ˈblæd.ər/: กระเพาะปัสสาวะ
-
Caddie (n): /ˈkæd.i/: คนหามไม้กอล์ฟ
-
Ladder (n): /ˈlæd.ər/: บันได
-
Middle (n): /ˈmɪd.əl/: กลาง, จุดศูนย์กลาง
-
Oddity (n): /ˈɒd.ɪ.ti/: ความแปลกประหลาด
-
Pudding (n): /ˈpʊd.ɪŋ/: พุดดิ้ง
3. กฎที่ 3: เมื่อหลังตัว D เป็น U จะออกเสียง DU เป็น /dʒ/
เมื่อ D ตามด้วย U การออกเสียง d จะมักจะเป็น /dʒ/
วิธีการออกเสียง /dʒ/:
-
ขั้นตอนที่ 1: ยืดริมฝีปากให้กลมเล็กน้อยและยื่นไปข้างหน้าเล็กน้อย
-
ขั้นตอนที่ 2: หุบฟันเบา ๆ
-
ขั้นตอนที่ 3: ยกปลายลิ้นขึ้นและสัมผัสด้านหลังฟันบน
-
ขั้นตอนที่ 4: เป่าลมเบา ๆ พร้อมกับเสียง "ch" ในภาษาเวียดนาม
ตัวอย่างคำที่มีการออกเสียง d เป็น /dʒ/:
-
Graduate (v): /ˈɡrædʒ.u.ət/: จบการศึกษา
-
Procedure (n): /prəˈsiː.dʒər/: กระบวนการ
-
Module (n): /ˈmɒdʒ.uːl/: โมดูล
4. กฎที่ 4: เมื่อตัว d อยู่ในคำกริยาช่องที่สองที่ลงท้ายด้วย -ed ตัว d จะออกเสียงเป็น /t/ หากพยางค์ก่อน -ed เป็นเสียงที่ไม่มีการสั่น (voiceless sounds) เช่น /p/, /k/, /θ/, /f/, /s/, /ʃ/, /tʃ/
เสียง /d/ จะออกเสียงเป็น /t/ เมื่อคำกริยาช่องที่สองลงท้ายด้วย -ed และพยางค์ก่อนหน้านั้นเป็นเสียงไม่มีเสียง
ตัวอย่างคำ:
-
Popped /pɑːpt/: แตก
-
Kicked /kɪkt/: เตะ
-
Frothed /frɑːθt/: มีฟอง
-
Laughed /lɑːft/: หัวเราะ
-
Missed /mɪst/: พลาด
-
Brushed /brʌʃt/: แปรง
-
Watched /wɑːtʃt/: ดู
5. กฎที่ 5: เมื่อคำกริยาช่องที่สองลงท้ายด้วย -ed และพยางค์ก่อนหน้าเป็นเสียง /t/ หรือ /d/ จะออกเสียง -ed เป็น /ɪd/
เสียง d จะออกเสียงเป็น /ɪd/ เมื่อคำกริยาช่องที่สองมีเสียง /t/ หรือ /d/ นำหน้า
ตัวอย่างคำ:
-
Added /ˈædɪd/: เพิ่ม
-
Decided /dɪˈsaɪdɪd/: ตัดสินใจ
-
Interested /ˈɪntrɪstɪd/: สนใจ
-
Loaded /ˈləʊdɪd/: โหลด
-
Waited /weɪtɪd/: รอ
6. กฎที่ 6: เมื่อคำกริยาช่องที่สองลงท้ายด้วย -ed และพยางค์ก่อนหน้าเป็นเสียงที่มีการสั่น (voiced sounds) เสียง d จะออกเสียงเป็น /d/
ตัวอย่างคำ:
-
Changed /tʃeɪndʒd/: เปลี่ยน
-
Loved /lʌvd/: รัก
-
Begged /begd/: อ้อนวอน
-
Rolled /rəʊld/: กลิ้ง
-
Raised /reɪzd/: ยกขึ้น
7. กฎที่ 7: ตัวอักษร D ไม่ออกเสียง (เป็นเสียงเงียบ)
ในบางกรณี ตัว d จะไม่ออกเสียง หรือเป็นเสียงเงียบ โดยเฉพาะในคำที่มีพยัญชนะ ND, DN, DG อยู่ด้วยกัน
ตัวอย่างคำ:
-
Handkerchief /ˈhæŋkərtʃiːf/: ผ้าเช็ดหน้า
-
Wednesday /ˈwenzdeɪ/: วันพุธ
-
Sandwich /ˈsænwɪdʒ/: แซนด์วิช
-
Handsome /ˈhæn.səm/: หล่อ
-
Dodge /dɒdʒ/: หลบหลีก
แบบฝึกหัดการออกเสียง D
1. ฝึกออกเสียง /d/ เมื่ออยู่ต้นพยางค์ของคำ
-
director /dəˈrektə/ : ผู้อำนวยการ
-
data /ˈdeɪtə/ : ข้อมูล
-
derive /deraɪv/ : ได้รับ
-
develop /dɪˈveləp/ : พัฒนา
2. ฝึกออกเสียง /d/ เมื่ออยู่กลางคำ
-
idea /aɪˈdɪə/ : ความคิด
-
understand /ˌʌndəˈstænd/ : เข้าใจ
-
already /ɔːlˈredi/ : เรียบร้อยแล้ว
-
education /ˌedjʊˈkeɪʃən/ : การศึกษา
3. ฝึกออกเสียง /d/ เมื่ออยู่ท้ายคำ
-
decide /dɪˈsaɪd/ : ตัดสินใจ
-
kind /kaɪnd/ : ใจดี
-
word /wɜːd/ : คำ
-
friend /frend/ : เพื่อน
4. เลือกคำที่มีเสียงที่ขีดเส้นใต้แตกต่างจากคำอื่น
-
A. dislike
B. handsome (เสียง d เงียบ ไม่ออกเสียง)
C. addict -
A. module (ออกเสียง d เป็น /dʒ/)
B. donate
C. diagram -
A. reached
B. talked
C. moved (เสียง -ed ออกเป็น /d/, ต่างจากสองคำแรกที่เป็น /t/) -
A. visited
B. decided
C. kicked (เสียง -ed เป็น /t/, ต่างจากสองคำแรกที่เป็น /ɪd/) -
A. dodge
B. graduate
C. procedure (คำนี้มีเสียง /dʒ/ อยู่กลางคำ ซึ่งต่างจากอีกสองคำ)
พ่อแม่ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษให้เด็กง่ายๆ ที่บ้านกับ Monkey Junior
ในการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษให้เด็ก ๆ พ่อแม่สามารถให้ลูกฟังและเลียนแบบเสียงเจ้าของภาษาได้ทุกวัน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีเจ้าของภาษามาช่วยสอน การตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดในการออกเสียงจะไม่ง่ายเลย
Monkey Junior นำเสนอโซลูชันด้วยเทคโนโลยี M-Speak แอปนี้ไม่เพียงช่วยให้ลูกฟังเสียงเจ้าของภาษาอย่างถูกต้อง แต่ยังสามารถบันทึกเสียงของลูกให้คะแนนและแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทันที ด้วยวิธีนี้ ลูกของคุณจะได้ "ฝึกกับครูเจ้าของภาษา" ที่บ้าน และพัฒนาการออกเสียงที่ชัดเจนและมั่นใจขึ้นทุกวัน
หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกฝึกออกเสียงอย่างมีประสิทธิภาพและสนุกสนาน อย่าลืมให้ลูกลองใช้ Monkey Junior ลงทะเบียนเรียนฟรีวันนี้เพื่อให้ลูกเริ่มต้นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา
สรุป
ผ่านบทความนี้ Monkey หวังว่าคุณจะเข้าใจจาก A ถึง Z วิธีการออกเสียง /d/ รวมทั้งสัญญาณที่ช่วยให้คุณรู้จักเสียงนี้มากขึ้น หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสาร การออกเสียงคือกุญแจสำคัญที่คุณต้องเข้าใจ การฝึกฝนบ่อย ๆ จะช่วยให้คุณออกเสียงได้เป็นธรรมชาติและคล่องแคล่วมากขึ้น ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษเร็วๆ นี้