ในคำหนึ่ง ๆ ตัวอักษร "e" สามารถมีการออกเสียงที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของมันและการผสมกับตัวอักษรอื่น ๆ รอบข้าง ดังนั้น ในบทความนี้ มาร่วมกันเรียนรู้กับ Monkey ถึงวิธีการออกเสียง "e" ตามตำแหน่งของมันในคำศัพท์กันเถอะ
วิธีการออกเสียงตัวอักษร "E" อย่างถูกต้องตามสัทอักษรสากลของภาษาอังกฤษ
1. ตัวอักษร "e" ออกเสียงเป็น /e/
เสียง /e/ ในภาษาอังกฤษออกเสียงคล้ายกับเสียง "e" ในภาษาเวียดนาม โดยให้ลดขากรรไกรลงเล็กน้อย และออกเสียงสั้นกว่าเล็กน้อย ขณะออกเสียง ให้ริมฝีปากบนและล่างแยกออกจากกัน ลิ้นอยู่ต่ำ และปลายลิ้นแตะบริเวณฟันล่าง
ตัวอย่างคำ:
-
beg /beg/ (กริยา) ขอร้อง
-
bell /bel/ (คำนาม) กระดิ่ง
-
check /tʃek/ (คำนาม) ใบเสร็จ
-
dress /dres/ (คำนาม) ชุดกระโปรง
-
everyone /ˈevriwʌn/ (คำนาม) ทุกคน
หลายคนมักสับสนระหว่างการออกเสียง /e/ กับเสียง /æ/ โดยเสียง /æ/ เป็นเสียงที่คล้ายกับการผสมระหว่าง "a" และ "e" เวลาออกเสียง ให้เปิดปากกว้างและดึงริมฝีปากไปด้านข้าง ลิ้นอยู่ในตำแหน่งต่ำและเคลื่อนไหวลงเล็กน้อย
-
ตัวอย่างคำที่มีเสียง /æ/:
-
mallet /ˈmælɪt/: ค้อน
-
narrow /ˈnærəʊ/: แคบ
-
latter /ˈlætə/: อันหลัง
-
manner /ˈmænə/: วิธีการ
-
calculate /ˈkælkjʊleɪt/: คำนวณ
2. ตัวอักษร “e” ออกเสียงเป็น /iː/ เมื่ออยู่หน้าตัวอักษร e, i, a, y
เมื่อออกเสียง /iː/ รูปปากของคุณจะคล้ายกับการยิ้มเบา ๆ มุมปากจะยกขึ้นไปทางด้านข้างทั้งสอง และต้องยืดเสียงให้นานขึ้น
ตัวอย่างคำศัพท์:
-
conceive /kənˈsiːv/ (กริยา) แสดงออก, คิดขึ้น
-
deceive /dɪˈsiːv/ (กริยา) หลอกลวง
-
free /friː/ (คำคุณศัพท์) ฟรี, ไม่มีค่าใช้จ่าย
-
key /kiː/ (คำนาม) กุญแจ
-
knee /niː/ (คำนาม) หัวเข่า
-
please /pliːz/ (กริยา) กรุณา
-
tea /tiː/ (คำนาม) ชา
-
ข้อยกเว้นบางกรณี:
-
early /ˈɜːrli/ (คำคุณศัพท์) เร็ว
-
earn /ɜːn/ (กริยา) หาเงิน
-
pearl /pɜːl/ (คำนาม) ไข่มุก
3. ตัวอักษร “e” ออกเสียงเป็น /ɜː/ เมื่ออยู่หน้าตัว “r”
วิธีออกเสียง /ɜː/ มี 2 ขั้นตอนดังนี้:
-
ขั้นตอนที่ 1: เริ่มต้นด้วยการออกเสียง /r/ โดยให้ปลายลิ้นงอลอยขึ้นใกล้เพดานปากด้านบน แต่ไม่แตะโดยตรง
-
ขั้นตอนที่ 2: คงรูปปากเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก รักษาตำแหน่งลิ้นไว้ แล้วออกเสียง "เออ" โดยเน้นลมไปที่ปลายลิ้น
ตัวอย่างคำศัพท์:
-
deserve /dɪˈzɜːrv/ (กริยา) สมควรได้รับ
-
her /hɜːr/ (คำกำหนด) เธอ
-
merge /mɜːrdʒ/ (กริยา) รวม, ควบรวม
-
per /pɜːr/ (บุพบท) ต่อ...
-
personnel /ˌpɜːrsənˈel/ (คำนาม) บุคลากร, เจ้าหน้าที่
4. ตัวอักษร “e” ออกเสียงเป็น /eɪ/ เมื่ออยู่หน้าตัว ak, at, i
รูปปากตอนเริ่มคล้ายกับเสียง /e/ แต่ตอนจบจะเปลี่ยนเป็นเสียง /j/ คล้ายเสียง “ây” ในภาษาเวียดนาม โดยยืดเสียง “i” ตอนท้ายออกเล็กน้อย
ตัวอย่างคำศัพท์:
-
break /breɪk/ (คำนาม) พัก, หยุดพัก
-
convey /kənˈveɪ/ (กริยา) ถ่ายทอด, ขนส่ง
-
great /greɪt/ (คุณศัพท์) ยอดเยี่ยม
-
steak /steɪk/ (คำนาม) สเต็ก, เนื้อย่าง
5. ตัวอักษร “e” ออกเสียงเป็น /er/ เมื่ออยู่หน้าตัว “ar”
เสียง /er/ เป็นการรวมของเสียง /e/ และ /r/ โดยออกเสียงต่อเนื่องติดกัน
ตัวอย่างคำศัพท์:
-
bear /ber/ (คำนาม) หมี
-
pear /per/ (คำนาม) ลูกแพร์
-
swear /swer/ (กริยา) สาบาน
-
tear /ter/ (กริยา) ฉีก
6. ตัวอักษร “e” ออกเสียงเป็น /juː/ เมื่ออยู่หน้าตัว “u” หรือ “w”
เสียง /juː/ คล้ายกับเสียง “iu” ในภาษาเวียดนาม โดยให้ยืดเสียงยาวขึ้นเล็กน้อย
ตัวอย่างคำศัพท์:
-
feudal /ˈfjuːdəl/ (คุณศัพท์) ศักดินา
-
few /fjuː/ (คุณศัพท์) ไม่กี่
-
mew /mjuː/ (คำนาม) เสียงแมวร้อง
-
phew /fjuː/ (คำอุทาน) โอ้โห, โล่งอก
7. ตัวอักษร “e” ออกเสียงเป็น /uː/ เมื่ออยู่หน้าตัว “u” หรือ “w”
การออกเสียง /uː/ ต้องห่อริมฝีปากเข้าหากันแน่น แล้วดันไปด้านหน้า จากนั้นออกเสียง “อู” แบบยืดเสียงยาว
ตัวอย่างคำศัพท์:
-
chew /tʃuː/ (กริยา) เคี้ยว
-
flew /fluː/ (กริยา) บิน (ช่อง 2 ของ fly)
-
neutral /ˈnuːtrəl/ (คุณศัพท์) เป็นกลาง
-
new /nuː/ (คุณศัพท์) ใหม่
แบบฝึกหัดการออกเสียง
แบบฝึกหัดที่ 1: เลือกคำที่มีเสียง /e/
คำสั่ง: ในแต่ละกลุ่มคำ (มี 4 คำ) ให้เลือกคำที่มีเสียง /e/ (เช่นเดียวกับเสียงในคำว่า bed)
-
A. bed B. beat C. bead D. bee
-
A. pen B. pin C. seen D. green
-
A. red B. read (/riːd/) C. seed D. need
-
A. ten B. teen C. seen D. bean
-
A. men B. mean C. clean D. queen
-
A. wet B. wheat C. seat D. meat
-
A. net B. neat C. heat D. meet
-
A. get B. greet C. feet D. eat
-
A. send B. seed C. feed D. bleed
-
A. fell B. feel C. peel D. meal
เฉลย (คำตอบ):
-
A
-
A
-
A
-
A
-
A
-
A
-
A
-
A
-
A
-
A
แบบฝึกหัดที่ 2: แยกแยะเสียง /e/ กับ /iː/
คำสั่ง: ระบุเสียงของสระที่ขีดเส้นใต้ในคำศัพท์ (เลือก /e/ หรือ /iː/)
-
bed → …
-
sheep → …
-
pen → …
-
me → …
-
send → …
-
cheese → …
-
red → …
-
green → …
-
ten → …
-
be → …
เฉลย:
-
/e/
-
/iː/
-
/e/
-
/iː/
-
/e/
-
/iː/
-
/e/
-
/iː/
-
/e/
-
/iː/
แบบฝึกหัดที่ 3: เติมคำให้ถูกต้อง (Minimal Pairs)
คำสั่ง: เติมคำในช่องว่างโดยเลือกคำที่ออกเสียงถูกต้องตามเสียงสระ (/e/ หรือ /iː/)
-
I found a (pen / pin) on the desk.
-
The farmer keeps (sheep / ship) in the field.
-
My friend likes to (read / red) books.
-
He hurt his (feet / fit) while running.
-
The boy fell into the (well / wheel).
-
We had some (cheese / chess) for breakfast.
-
She is wearing a (green / grin) dress.
-
Please (send / sand) me a message.
-
The (men / mean) are working hard.
-
They saw a (hen / he) in the garden.
เฉลย (คำตอบ):
-
pen
-
sheep
-
read (/riːd/)
-
feet
-
well
-
cheese
-
green
-
send
-
men
-
hen
Monkey Junior – ช่วยให้ลูกออกเสียงภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น
เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถออกเสียงภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง พ่อแม่ควรให้ลูกฟังเสียงเจ้าของภาษาที่แท้จริง และได้รับการแก้ไขหากออกเสียงผิด Monkey Junior รวมสองสิ่งนี้เข้าไว้ในหลักสูตรที่ออกแบบอย่างเป็นระบบตามหลักวิทยาศาสตร์
เด็ก ๆ จะได้ฟังเสียงเจ้าของภาษาที่ชัดเจน มีทั้งจังหวะและน้ำเสียงที่หลากหลาย ช่วยให้หูคุ้นเคยกับการออกเสียงที่เป็นธรรมชาติ คำศัพท์ วลี และประโยคสั้น ๆ ทุกคำมีภาพและวิดีโอประกอบที่น่าสนใจ ช่วยให้เด็กเข้าใจความหมายและจดจำเสียงได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องท่องจำ
เด็กจะได้รับการกระตุ้นให้ฝึกพูดตามแบบหลายครั้ง พร้อมเกมแบบโต้ตอบ ที่ทำให้การฝึกออกเสียงกลายเป็นเรื่องสนุก
ด้วยเทคโนโลยี M-Speak, Monkey Junior จะบันทึกเสียงเด็ก ตรวจสอบคะแนน และแจ้งข้อผิดพลาดในการออกเสียง ทำให้เด็กทราบว่าออกเสียงผิดตรงไหน และสามารถแก้ไขได้ทันที บทเรียนถูกจัดเรียงจากง่ายไปยาก จากเสียงพื้นฐานไปจนถึงประโยคสั้น ๆ ช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการพูดอย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน แม้ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมของเจ้าของภาษา เด็กก็สามารถฝึกออกเสียงได้อย่างถูกต้องและมั่นใจในการสื่อสาร
ให้ลูกของคุณเริ่มต้นการเรียนรู้การออกเสียงที่น่าสนใจและได้ผลกับ Monkey Junior วันนี้! ทดลองเรียนฟรีเพื่อสัมผัสความแตกต่างได้เลย
บทสรุป
เสียงสระ “e” มีความสำคัญมากในการสื่อสารภาษาอังกฤษ เพราะเป็นเสียงที่พบได้บ่อยในคำศัพท์ภาษาอังกฤษจำนวนมาก ด้วยรูปแบบการออกเสียงที่หลากหลาย สระ “e” ไม่ใช่เสียงที่เรียนรู้ได้ง่าย แต่หากผู้เรียนสามารถแยกแยะรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถออกเสียงได้อย่างเชี่ยวชาญ