CEFR คืออะไร? CEFR มีความหมายอย่างไรต่อคุณ?
เคล็ดลับการเรียนรู้ (TH)

CEFR คืออะไร? CEFR มีความหมายอย่างไรต่อคุณ?

การปรึกษาบทความ:

Hoàng Mỹ Hạnh

Hoàng Mỹ Hạnh

Thạc sĩ Ngôn ngữ - Chuyên gia Giáo dục sớm

ผู้เขียน: Ngân Hà

วันที่อัปเดต: 21/08/2025

เนื้อหาหลัก

cefr คืออะไร? กรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษายุโรป (Common European Framework of Reference for Languages) เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในการอธิบายความสามารถทางภาษา ไม่ว่าคุณจะเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาอื่น ๆ การทำความเข้าใจระดับ CEFR จะช่วยให้คุณติดตามพัฒนาการของตนเอง กำหนดเป้าหมาย และเลือกสื่อการเรียนที่เหมาะสม

cefr คืออะไร?

CEFR หรือ กรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษายุโรป (Common European Framework of Reference for Languages) เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้วัดและอธิบายความสามารถทางภาษา แบ่งระดับความสามารถออกเป็น 6 ระดับ ได้แก่ A1, A2, B1, B2, C1 และ C2 ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับเชี่ยวชาญ

พัฒนาโดยสภายุโรป (Council of Europe) CEFR มอบวิธีการที่ชัดเจนและสม่ำเสมอในการประเมินและเปรียบเทียบทักษะทางภาษาระหว่างประเทศ ข้อสอบ และระบบการเรียนต่าง ๆ ช่วยให้ผู้เรียนตั้งเป้าหมาย ติดตามความก้าวหน้า และเลือกสื่อการเรียนที่เหมาะสม

CEFR - Common European Framework of Reference for Languages (ภาพ: อินเทอร์เน็ต)

CEFR เหมาะกับใคร?

CEFR เหมาะสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการเรียน การสอน หรือการประเมินทักษะภาษา ได้แก่:

  • ผู้เรียนภาษา: ใช้วัดทักษะและติดตามความก้าวหน้า

  • ครูผู้สอน: ใช้เป็นกรอบมาตรฐานเดียวกันในการวางแผนและจัดการเรียนการสอน

  • ผู้ออกข้อสอบและสถาบันการศึกษา: ใช้มาตรฐานเดียวกันในการประเมินความสามารถทางภาษา

  • นายจ้าง: กำหนดข้อกำหนดด้านภาษาสำหรับตำแหน่งงาน

  • มหาวิทยาลัยและคณะกรรมการทุนการศึกษา: ใช้พิจารณาการรับเข้าเรียนหรือการให้ทุนการศึกษา

ระดับ CEFR

CEFR แบ่งระดับความสามารถทางภาษาออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ซึ่งแยกย่อยออกเป็น 6 ระดับดังนี้:

A1 - ระดับเริ่มต้น (Beginner)

ในระดับ A1 ผู้เรียนสามารถเข้าใจและใช้สำนวนหรือวลีพื้นฐานในชีวิตประจำวัน สามารถแนะนำตัวเอง ถามและตอบคำถามง่าย ๆ และสื่อสารได้อย่างง่ายดาย หากคู่สนทนาพูดช้าและชัดเจน

A2 - ระดับพื้นฐาน (Elementary)

ในระดับ A2 ผู้เรียนสามารถเข้าใจประโยคและสำนวนที่ใช้บ่อยซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวข้อในชีวิตประจำวัน สามารถสื่อสารในงานประจำง่าย ๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลพื้นฐาน และบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับตนเองหรือสภาพแวดล้อมใกล้ตัว

B1 - ระดับกลาง (Intermediate)

ในระดับ B1 ผู้เรียนสามารถเข้าใจประเด็นหลักจากบทสนทนาหรือคำพูดมาตรฐานที่ชัดเจนในหัวข้อที่คุ้นเคย สามารถจัดการกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ระหว่างการเดินทาง เขียนหรือพูดข้อความที่เชื่อมโยงกันอย่างง่าย และบรรยายประสบการณ์ เหตุการณ์ และความคิดเห็นได้

B2 - ระดับกลางขั้นสูง (Upper-Intermediate)

ในระดับ B2 ผู้เรียนสามารถเข้าใจแนวคิดหลักของเนื้อหาที่ซับซ้อน ทั้งหัวข้อเชิงรูปธรรมและนามธรรม สามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ ทำให้สามารถสนทนากับเจ้าของภาษาได้อย่างราบรื่นโดยไม่เป็นภาระต่อคู่สนทนา

ระดับ CEFR: ตั้งแต่ A1 ถึง C2 (ภาพ: อินเทอร์เน็ต)

C1 - ระดับสูง (Advanced)

ในระดับ C1 ผู้เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องคิดหาคำมากนัก เข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อนและยาว และใช้ภาษาด้วยความยืดหยุ่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางสังคม การศึกษา และการทำงาน

C2 - ระดับเชี่ยวชาญ (Proficient)

ในระดับ C2 ผู้เรียนสามารถเข้าใจแทบทุกสิ่งที่ได้ยินหรืออ่านอย่างง่ายดาย สามารถแสดงออกอย่างลื่นไหล ชัดเจน และแม่นยำ แม้ในสถานการณ์หรือการสนทนาที่ซับซ้อน

เคล็ดลับเตรียมสอบ CEFR อย่างมีประสิทธิภาพ

การเตรียมตัวสำหรับการสอบที่สอดคล้องกับ CEFR ต้องใช้แนวทางที่เป็นระบบ โดยมุ่งพัฒนาทักษะหลักทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การอ่าน การเขียน การฟัง และการพูด ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • ประเมินระดับปัจจุบันของคุณ: ก่อนเริ่ม ควรทำแบบทดสอบลองสอบ หรือใช้เครื่องมือค้นหาระดับออนไลน์อย่างรวดเร็ว เพื่อดูว่าคุณอยู่ในระดับใด ซึ่งจะช่วยให้คุณเลือกสอบในระดับที่เหมาะสม (A2, B1, B2 เป็นต้น) และวางแผนการเรียนได้อย่างสมจริง

  • ฝึกทั้ง 4 ทักษะอย่างสม่ำเสมอ:

    • การอ่าน (Reading): อ่านสื่อจริงหลากหลายที่เหมาะกับระดับของคุณ เช่น ข่าว บทความบล็อก เรื่องสั้น และบทความเชิงวิชาการ ฝึกอ่านแบบ skimming เพื่อจับใจความสำคัญ และแบบ scanning เพื่อค้นหาข้อมูลเฉพาะ

    • การฟัง (Listening): ฟังพอดแคสต์ รายการวิทยุ ข่าว และ TED Talks ในภาษาที่คุณเรียน ฝึกฟังอย่างตั้งใจด้วยการสรุปสิ่งที่ได้ยิน หรือจดบันทึกประเด็นสำคัญ

    • การเขียน (Writing): เขียนเป็นประจำ แม้จะเป็นเพียงบันทึกประจำวัน ฝึกทำงานเขียนหลายรูปแบบที่อาจเจอในข้อสอบ เช่น อีเมล เรียงความ และรายงาน ให้ความสำคัญกับไวยากรณ์ โครงสร้างประโยค การใช้คำศัพท์หลากหลาย และคำเชื่อมเพื่อสร้างข้อความที่ต่อเนื่อง

    • การพูด (Speaking): ฝึกพูดให้มากที่สุด ไม่ว่าจะกับเพื่อนแลกเปลี่ยนภาษา ครูสอนพิเศษ หรือแม้แต่พูดกับตัวเอง ฝึกตอบคำถามที่พบบ่อยในข้อสอบ เช่น การแนะนำตัว การพูดถึงงานอดิเรก หรือการแสดงความคิดเห็นในหัวข้อที่กำหนด

  • ระบุและแก้ไขจุดอ่อน: หลังจากการฝึกหรือทำข้อสอบ ลองวิเคราะห์ผลงานของคุณ คุณช้าตอนทำข้อสอบอ่านหรือไม่? คุณติดปัญหาเรื่องไวยากรณ์เฉพาะข้อในส่วนเขียนหรือไม่? ควรให้เวลาฝึกฝนและแก้ไขจุดอ่อนเหล่านี้เป็นพิเศษ

เคล็ดลับเตรียมสอบ CEFR อย่างมีประสิทธิภาพ (ภาพ: อินเทอร์เน็ต)

เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่า cefr คืออะไร และระบบการแบ่งระดับทำงานอย่างไร คุณก็สามารถใช้ CEFR เป็นแผนที่นำทางการเรียนภาษาของคุณได้ ตั้งแต่การตั้งเป้าหมายที่สมจริงไปจนถึงการประเมินทักษะ CEFR มอบกรอบการเรียนรู้ที่ชัดเจนในการวัดและพัฒนาความสามารถของคุณ

ข้อมูลในบทความนี้ถูกรวบรวมขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการอ้างอิงเท่านั้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า กรุณาตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อรับทราบข้อมูลล่าสุด

บทความล่าสุด

ลงทะเบียนรับคำปรึกษา

และโปรโมชั่น Monkey Stories