การฝึกฟังภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเป็นสิ่งจำเป็น หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ลูกสามารถปรับตัวและคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว การฝึกฟังไม่เพียงช่วยพัฒนาทักษะการฟัง แต่ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อทักษะการออกเสียง การตอบสนอง และการคุ้นเคยกับจังหวะเสียงของเจ้าของภาษาอีกด้วย
มาร่วมค้นหาคำแนะนำอย่างละเอียดไปกับ Monkey ในบทความต่อไปนี้กันเลย
ทำไมการฝึกฟังภาษาอังกฤษจึงสำคัญ?
การฟังเป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานที่สุดในการเรียนภาษาอังกฤษ การฝึกฟังจะช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับเสียง จังหวะ และโทนเสียงของภาษาอังกฤษ ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะการตอบสนองและการสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การฟังยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาทักษะอื่น ๆ เช่น การพูด การอ่าน และการเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับเด็กอายุ 4 ถึง 16 ปี การเรียนรู้ผ่านการฟังจะง่ายกว่าการเรียนรู้เฉพาะคำศัพท์หรือไวยากรณ์ เมื่อเด็กฝึกฟังภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง เด็กจะสามารถจดจำเสียง คำศัพท์ และโครงสร้างประโยคได้อย่างเป็นธรรมชาติ
วิธีฝึกการฟังภาษาอังกฤษสำหรับเด็กที่บ้าน
สร้างกิจวัตรประจำวันในการฝึกฟังและพูดภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก
ควรสร้างกิจวัตรประจำวันสำหรับเวลาฝึกฟังและพูดภาษาอังกฤษที่บ้าน สำหรับเด็กเล็ก ควรทำเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่บ่อยครั้งจะดีกว่าการทำเป็นช่วงเวลานาน ๆ โดยประมาณ 15 นาทีต่อวันก็เพียงพอแล้ว คุณสามารถเพิ่มเวลาการเรียนเมื่อเด็กโตขึ้นและความสามารถในการมีสมาธิเพิ่มขึ้น ควรรักษากิจกรรมให้สั้นและหลากหลายเพื่อดึงดูดความสนใจของเด็ก
พยายามทำกิจกรรมบางอย่างในเวลาเดียวกันทุกวัน เด็กจะรู้สึกสบายใจและมั่นใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าต้องทำอะไร เช่น คุณพ่อคุณแม่อาจเล่นเกมภาษาอังกฤษกับเด็กทุกวันหลังเลิกเรียน หรืออ่านนิทานภาษาอังกฤษให้เด็กฟังก่อนนอน หากบ้านมีพื้นที่ คุณอาจสร้างมุมภาษาอังกฤษที่มีเครื่องมือช่วยในการเรียนรู้ เช่น หนังสือ เกม หรือแอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษ การทำซ้ำเป็นสิ่งสำคัญ — เด็กมักต้องฟังคำและวลีซ้ำ ๆ หลายครั้งก่อนที่จะรู้สึกพร้อมที่จะพูด
เล่นเกมเพื่อฝึกฟังและพูดภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก
เด็กเรียนรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยผ่านการเล่นเกม Flashcards เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสอนและทบทวนคำศัพท์ และยังมีเกมต่าง ๆ มากมายที่คุณสามารถเล่นกับแฟลชการ์ด เช่น Memory, Kim’s game, Snap หรือ Happy Family
-
นอกจากนี้ยังมีเกมประเภทอื่น ๆ ที่คุณสามารถเล่นกับเด็กเพื่อช่วยฝึกภาษาอังกฤษ เช่น
-
เกมแอคชัน เช่น Simon says, Charades, What’s the time Mr Wolf?
-
เกมกระดาน เช่น Snakes and ladders
-
เกมคำศัพท์ เช่น I spy, Hangman
-
เกมออนไลน์
ใช้สถานการณ์ในชีวิตประจำวัน
ข้อดีของการฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเด็กที่บ้านคือผู้ปกครองสามารถใช้สถานการณ์ในชีวิตประจำวันและสิ่งของรอบตัวในบ้านเพื่อฝึกภาษาอย่างเป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับบริบท
ตัวอย่างเช่น:
-
พูดเกี่ยวกับเสื้อผ้าเมื่อเด็กกำลังใส่เสื้อผ้าหรือเมื่อคุณกำลังจัดแยกผ้าซัก (‘Let’s put on your red socks’, ‘It’s Sister’s T-shirt’, เป็นต้น)
-
ฝึกคำศัพท์เกี่ยวกับของเล่นและข้าวของเมื่อคุณช่วยเด็กเก็บห้องนอน (‘Let’s put your teddy bear on the bed!’, ‘Where is the blue car?’)
-
สอนคำศัพท์เกี่ยวกับอาหารเมื่อคุณกำลังทำอาหารหรือไปซื้อของ เมื่อไปซูเปอร์มาร์เก็ตให้เด็กถือรายการสิ่งของที่ต้องหา (ใช้ภาพหรือตัวหนังสือตามอายุของเด็ก)
ใช้เรื่องเล่า
เด็กเล็กชอบหนังสือที่มีสีสันสดใสและภาพประกอบที่น่าสนใจ อ่านหนังสือกับลูกและพูดคำศัพท์เมื่อคุณชี้ไปที่ภาพต่างๆ จากนั้นคุณสามารถขอให้ลูกชี้สิ่งของต่างๆ เช่น ‘Where’s the cat?’ หลังจากผ่านไปสักระยะ ให้ส่งเสริมให้เด็กพูดคำเหล่านั้นโดยการถามว่า ‘What’s that?’ การฟังเรื่องเล่าจะช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับเสียงและจังหวะของภาษาอังกฤษ
ใช้เพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก
การฝึกฟังและพูดภาษาอังกฤษที่บ้านผ่านการร้องเพลงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่และพัฒนาการออกเสียง เพลงที่มีท่าทางประกอบเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็กเพราะเด็กสามารถมีส่วนร่วมได้แม้ยังร้องเพลงไม่ได้ ท่าทางเหล่านั้นมักจะช่วยแสดงความหมายของคำในเพลง
การทำความคุ้นเคยกับไวยากรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับเด็กเล็ก ไม่จำเป็นต้องสอนกฎไวยากรณ์อย่างชัดเจน แต่ควรให้เด็กคุ้นเคยกับการฟังและใช้โครงสร้างไวยากรณ์ต่าง ๆ ในบริบท เช่น การใช้ ‘have got’ เมื่อพูดถึงลักษณะภายนอกของใครบางคน หรือ ‘must / must not’ เมื่อพูดถึงกฎระเบียบของโรงเรียน การได้ยินไวยากรณ์ที่ใช้ในบริบทตั้งแต่ยังเด็ก จะช่วยให้เด็กใช้มันได้อย่างเป็นธรรมชาติและถูกต้องเมื่อโตขึ้น
การฝึกฟังภาษาอังกฤษตามหัวข้อที่เด็กชอบ
เมื่อเรียนภาษาอังกฤษ หากเด็กได้ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบ การเรียนจะสนุกและง่ายขึ้นมาก การฟังตามหัวข้อที่ชื่นชอบช่วยให้เด็กมีความสนใจ ไม่รู้สึกว่านี่เป็นภาระที่ยาก แต่เหมือนกับการเล่นและค้นพบสิ่งใหม่ ๆ
ตัวอย่างเช่น หากเด็กชอบกีฬา เด็กสามารถฟังวิดีโอหรือเพลงเกี่ยวกับฟุตบอลหรือบาสเกตบอลเป็นภาษาอังกฤษได้ หากเด็กชอบดนตรี เพลงภาษาอังกฤษจะช่วยให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ และฝึกการออกเสียงอย่างถูกต้อง
ด้วยวิธีนี้ เด็กจะไม่เพียงแต่ฝึกฟังได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังคุ้นเคยกับคำศัพท์ ประโยค และวิธีการสื่อสารภาษาอังกฤษที่เจ้าของภาษาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว
เลือกเนื้อหาการฟังให้เหมาะสมกับระดับของเด็ก
เมื่อฝึกฟังภาษาอังกฤษ หากเด็กฟังบทเรียนที่ยากเกินไป เด็กอาจรู้สึกท้อแท้ แต่ถ้าเนื้อหาง่ายเกินไป เด็กก็จะเบื่อเร็ว ดังนั้นการเลือกเนื้อหาการฟังที่เหมาะสมกับความสามารถในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ถ้าเด็กเพิ่งเริ่มต้น ควรฟังบทสนทนาง่าย ๆ ที่คุ้นเคย เช่น การแนะนำตัว การทักทาย การสนทนาในชีวิตประจำวัน… บทเรียนเหล่านี้มักมีความเร็วช้า และเสียงชัดเจน ทำให้เด็กเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เมื่อเด็กคุ้นเคยแล้ว สามารถลองฟังเรื่องเล่ายาวขึ้น ที่มีความเร็วธรรมชาติ และมีคำบรรยายให้น้อยลงไปเรื่อย ๆ แบบนี้ เด็กจะพัฒนาขึ้นทีละขั้น ฟังเข้าใจเร็วขึ้น ออกเสียงดีขึ้น และที่สำคัญคือเด็กจะรู้สึกมั่นใจและสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษ
ฝึกฟังภาษาอังกฤษผ่านภาพยนตร์
การดูหนังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฟังภาษาอังกฤษ ผ่านภาพยนตร์ที่น่าสนใจ เด็กจะได้เรียนรู้การสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ ทำความคุ้นเคยกับจังหวะการพูด ความเร็วในการพูด และการใช้คำศัพท์หรือสำนวนที่พบในชีวิตประจำวัน
นี่คือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่จะช่วยให้เด็กได้สัมผัสภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง ไม่เหมือนกับการเรียนจากตำรา ทำให้พัฒนาทักษะการฟังและการตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรเลือกภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับระดับความสามารถของเด็ก หากเพิ่งเริ่มต้น ควรดูหนังการ์ตูน ซีรีส์ตลก หรือหนังที่มีเนื้อหาเบา ๆ พร้อมคำบรรยายภาษาไทยหรือสองภาษา
แนะนำ: คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มต้นด้วยหนังที่มีคำบรรยายภาษาอังกฤษ เช่น Friends หรือ How I Met Your Mother ซึ่งมีความเร็วการพูดในระดับปานกลางและใช้บทสนทนาที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย เมื่อเด็กคุ้นเคยแล้ว ลองดูหนังโดยไม่ใช้คำบรรยายเพื่อฝึกการฟังอย่างตั้งใจมากขึ้น
ฝึกฟังภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพกับ Monkey Junior
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ลูกฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพ่อคุณแม่เองก็ยังไม่คุ้นเคยกับภาษา Monkey Junior คือทางออกที่ช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ แอปพลิเคชันนี้ออกแบบมาเพื่อเด็กตั้งแต่ 0 - 11 ปี ช่วยให้เด็กได้ทำความคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษผ่านบทสนทนา เพลง และเสียงที่ออกเสียงโดยเจ้าของภาษา ซึ่งช่วยให้การฟังเข้าใจง่ายและสนุกสนาน
จุดเด่นบางอย่างที่ช่วยให้ทักษะการฟังของเด็กพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้แก่:
-
เด็กจะได้ฟังเสียงอ่านจากเจ้าของภาษาหลายพันไฟล์ – ทุกคำและประโยคถูกบันทึกเสียงอย่างถูกต้องทั้งแบบอังกฤษและอเมริกัน
-
บทฟังถูกออกแบบแบ่งระดับตามความสามารถของเด็ก ตั้งแต่หัวข้อที่ง่ายและคุ้นเคย ไปจนถึงหัวข้อที่ยากขึ้นเมื่อลูกคุ้นเคยมากขึ้น
-
เทคโนโลยี M-Speak ที่ผสานอยู่ใน Monkey Junior ช่วยประเมินการออกเสียง ตรวจจับข้อผิดพลาดในการฟังและพูด ทำให้เด็กเข้าใจจุดที่ต้องปรับปรุงได้อย่างชัดเจน
-
นอกจากการฟังแบบตั้งใจแล้ว แอปยังใช้กลยุทธ์ “การฟังแบบผ่านๆ” (Passive Listening) ผ่านเพลงและไฟล์เสียงต่าง ๆ
เพื่อให้เด็กได้สัมผัสภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกดดันให้เข้าใจทุกคำในทันที
อย่าปล่อยให้ลูกพลาดโอกาสฝึกฟังภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ - สมัครทดลองเรียน Monkey Junior ฟรีวันนี้ เพื่อให้ลูกได้สัมผัสกับภาษาอังกฤษมาตรฐาน พูดออกเสียงได้ดี และฟังเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติ!
บทสรุป
ในบทความนี้ Monkey ได้แบ่งปันวิธีฝึกฟังภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก พร้อมกับแผนการเรียนภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพสำหรับเด็ก ๆ หวังว่าข้อมูลที่แชร์ในบทความนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ตามที่คาดหวังไว้