คุณเป็นนักเรียนหรือนักทำงานชาวไทยที่อยากพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อก้าวสู่เวทีโลกหรือไม่? หากใช่ คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับใบรับรอง TOEIC และสงสัยว่า "toeic คืออะไร?"
คู่มือฉบับนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ! เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจข้อสอบ TOEIC อย่างละเอียด ตั้งแต่โครงสร้างข้อสอบ ค่าสอบล่าสุดในประเทศไทย ไปจนถึงเทคนิคและกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริงเพื่อทำคะแนนสูง ช่วยเปิดประตูสู่โอกาสในอาชีพใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
Toeic คืออะไร?
TOEIC ย่อมาจาก Test of English for International Communication เป็นแบบทดสอบมาตรฐานระดับสากลที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะในบริบทการทำงานระดับมืออาชีพ ข้อสอบนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากบริษัทและสถาบันการศึกษาทั่วโลก โดยเน้นทักษะการฟัง (Listening) และการอ่าน (Reading)
นอกจากข้อสอบ TOEIC แบบดั้งเดิมที่วัดการฟังและการอ่านแล้ว ปัจจุบันยังมีข้อสอบ TOEIC Speaking และ Writing ซึ่งช่วยประเมินทักษะการสื่อสารได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น คะแนน TOEIC มีช่วงตั้งแต่ 10 ถึง 990 คะแนน และมีอายุใช้งาน 2 ปีนับจากวันสอบ
ประโยชน์ของการมีใบรับรอง TOEIC
การมีใบรับรอง TOEIC จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานอย่างมาก เพราะสามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางภาษาอังกฤษของคุณต่อนายจ้าง หลายบริษัทข้ามชาติและองค์กรระดับนานาชาติใช้คะแนน TOEIC เป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญในการคัดเลือกบุคลากร
นอกจากความก้าวหน้าในสายอาชีพแล้ว ใบรับรอง TOEIC ยังเปิดประตูสู่โอกาสทางการศึกษาและโปรแกรมแลกเปลี่ยนต่างประเทศอีกด้วย มันแสดงถึงความสามารถของคุณในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมระดับโลก ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียนและธุรกิจ
โครงสร้างข้อสอบ TOEIC (Listening & Reading)
ข้อสอบ TOEIC Listening & Reading เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย (เลือกตอบ) ที่จัดในรูปแบบกระดาษ (หรือในบางกรณีอาจจัดแบบคอมพิวเตอร์) ซึ่งออกแบบมาเพื่อประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในบริบทของการทำงานจริง ข้อสอบประกอบด้วย 200 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ Listening (การฟัง) และ Reading (การอ่าน) โดยใช้เวลาทำข้อสอบรวมประมาณ 2 ชั่วโมง
ต่อไปนี้คือรายละเอียดโครงสร้างของข้อสอบแต่ละส่วน:
ส่วนของข้อสอบ |
จำนวนคำถาม |
การฟัง (100 คำถาม) |
|
รูปภาพ |
6 คำถาม |
คำถามและคำตอบ |
25 คำถาม |
บทสนทนา |
39 คำถาม (13 บทสนทนา บทละ 3 คำถาม) |
บทพูดสั้นๆ |
30 คำถาม (10 บทพูด บทละ 3 คำถาม) |
การอ่าน (100 คำถาม) |
|
เติมประโยคให้สมบูรณ์ |
30 คำถาม |
เติมข้อความในบทความ |
16 คำถาม |
ข้อความเดี่ยว |
29 คำถาม (10 ข้อความ ข้อความละ 2-4 คำถาม) |
ข้อความแบบกลุ่ม |
25 คำถาม (5 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คำถาม) |
โครงสร้างข้อสอบ TOEIC (Speaking & Writing)
ข้อสอบ TOEIC Speaking & Writing แตกต่างจากข้อสอบ Listening & Reading โดยออกแบบมาเพื่อวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเชิงสร้างสรรค์ที่จำเป็นในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง ข้อสอบทั้งสองส่วนนี้จัดในรูปแบบ คอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้สอบจะต้องพูดผ่านไมโครโฟนและพิมพ์คำตอบลงในระบบ
ต่อไปนี้คือรายละเอียดโครงสร้างของแต่ละส่วน:
ส่วนของข้อสอบ |
จำนวนคำถาม |
คะแนนรวม |
การพูด (Speaking) |
11 คำถาม |
0-200 แบ่งเป็น 8 ระดับความสามารถ |
อ่านข้อความออกเสียง |
2 คำถาม |
|
อธิบายภาพ |
2 คำถาม |
|
ตอบคำถาม |
3 คำถาม |
|
ตอบคำถามโดยใช้ข้อมูลที่ให้มา |
3 คำถาม |
|
แสดงความเห็นส่วนตัว |
1 คำถาม |
|
การเขียน (Writing) |
8 คำถาม |
0-200 แบ่งเป็น 9 ระดับความสามารถ |
เขียนประโยคจากภาพที่กำหนด |
5 คำถาม |
|
ตอบคำขอเป็นลายลักษณ์อักษร |
2 คำถาม |
|
เขียนเรียงความแสดงความเห็นส่วนตัว |
1 คำถาม |
วิธีการคำนวณคะแนนสอบ TOEIC
ข้อสอบ TOEIC มีคะแนนเต็มสูงสุด 990 คะแนน โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ Listening และ Reading ซึ่งแต่ละส่วนมีคะแนนเต็ม 495 คะแนน คะแนนรวมจะได้จากการนำคะแนนของทั้งสองส่วนมารวมกัน
นอกจากข้อสอบ Listening และ Reading แล้ว TOEIC ยังมีแบบทดสอบ Speaking และ Writing แยกต่างหาก ซึ่งออกแบบมาเพื่อวัดทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ใช้จริงในบริบททางธุรกิจ โดยแต่ละพาร์ทมีคะแนนเต็ม 200 คะแนน
ข้อสอบ Speaking จะประกอบด้วยภารกิจ เช่น การอ่านออกเสียง, การอธิบายภาพ และการแสดงความคิดเห็น ข้อสอบ Writing จะเน้นไปที่การเขียนประโยค, การตอบอีเมล และการเขียนเรียงความ ข้อสอบ Speaking และ Writing เหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
หลังจากสอบ TOEIC แล้ว ผลคะแนนของคุณมักจะสามารถดูได้ในวันถัดไป หากคุณสอบระหว่างวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี ส่วนผู้ที่สอบในวันศุกร์หรือวันเสาร์ ผลสอบมักจะออกภายในวันอังคารถัดไป และสามารถขอรับผลสอบทางไปรษณีย์ได้หากต้องการ
ค่าสอบและตารางสอบ TOEIC ปี 2025
ในปี 2025 ค่าสอบ TOEIC อย่างเป็นทางการในประเทศไทยอยู่ภายใต้การดูแลของ ศูนย์ทดสอบทางวิชาชีพแห่งประเทศไทย (CPA Thailand) ซึ่งเป็นตัวแทนที่ได้รับอนุญาตจาก ETS โดยตรง ค่าสอบมาตรฐานสำหรับข้อสอบ Listening และ Reading อยู่ที่ 1,850 บาท โดยชำระเป็นเงินสดในวันสอบ และอาจมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยเพิ่มเติมหากต้องการให้ส่งผลสอบทางไปรษณีย์
หากคุณพลาดวันสอบหรือมาสาย อาจมีค่าปรับประมาณ 500 บาท ซึ่งจะถูกรวมในค่าลงทะเบียนครั้งถัดไป ดังนั้น ควรยืนยันวันสอบล่วงหน้าและมาถึงก่อนเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
CPA Thailand มีการจัดสอบ TOEIC อย่างสม่ำเสมอทั้งใน กรุงเทพฯ และ เชียงใหม่ ตลอดทั้งปี โดยวันสอบส่วนใหญ่อยู่ในวันเสาร์ และในบางช่วงอาจมีการจัดสอบพิเศษในจังหวัดอื่น ๆ เช่น ชลบุรี และ ระยอง ในรูปแบบ “สอบนอกสถานที่”
หากต้องการตรวจสอบตารางสอบที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด แนะนำให้เข้าชมเว็บไซต์ของ CPA Thailand หรือสอบถามโดยตรงผ่านทางศูนย์บริการลูกค้า การจองสอบล่วงหน้าถือว่าสำคัญมาก เนื่องจากที่นั่งสอบในบางพื้นที่มีจำนวนจำกัด
เคล็ดลับทำคะแนนสูงในการสอบ TOEIC
การทำคะแนนสูงในการสอบ TOEIC ต้องอาศัยทั้งทักษะภาษาอังกฤษที่แข็งแรง ความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ และกลยุทธ์การทำข้อสอบที่มีประสิทธิภาพ นี่คือเคล็ดลับที่ครบถ้วนเพื่อช่วยให้คุณสอบได้คะแนนดี:
-
เน้นเพิ่มพูนคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ การเดินทาง การสื่อสารในสำนักงาน และหัวข้อที่พบบ่อยในข้อสอบ TOEIC
-
ฝึกฟังสื่อภาษาอังกฤษเป็นประจำทุกวัน เพื่อพัฒนาความเข้าใจและความรวดเร็วในการฟัง
-
ทำแบบทดสอบ TOEIC ฉบับเต็มอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคุ้นเคยกับรูปแบบและเวลาที่จำกัดในการสอบ
-
อ่านบทความ รายงาน และอีเมลภาษาอังกฤษ เพื่อเสริมทักษะการอ่านและเข้าใจโครงสร้างข้อความ
-
ฝึกฝนการจับคำสำคัญในคำถามและตัวเลือกคำตอบ เพื่อประหยัดเวลาในวันสอบ
-
ทบทวนหลักไวยากรณ์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะโครงสร้างประโยค กาลของคำกริยา และคำบุพบท
-
ฝึกพูดและเขียนภาษาอังกฤษ หากคุณมีแผนที่จะสอบ TOEIC Speaking และ Writing
-
กำหนดตารางเวลาในการเรียนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความสม่ำเสมอและลดความเครียดก่อนวันสอบ
ในขณะที่เตรียมตัวสอบ TOEIC ด้วยแบบฝึกหัดและรายการคำศัพท์ คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างพื้นฐานภาษาอังกฤษที่แข็งแรงให้กับลูกตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะยิ่งเด็กได้สัมผัสกับภาษาเร็วเท่าไหร่ ทักษะการฟัง พูด และความเข้าใจก็จะพัฒนาขึ้นได้ดียิ่งขึ้น หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความไว้วางใจสำหรับการเรียนภาษาในช่วงแรกคือ Monkey Junior Monkey Junior คือโปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษที่มีแผนการเรียนอย่างครบถ้วน ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเด็กอายุ 0 ถึง 11 ปี ช่วยพัฒนาทักษะหลักทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ผ่านคำศัพท์มากกว่า 3,000 คำ กิจกรรมแบบโต้ตอบกว่า 4,000 กิจกรรม รูปแบบประโยคกว่า 100 แบบ และหนังสือนิทาน 60 เล่ม เนื้อหาถูกออกแบบให้เหมาะสมกับวัย สนุกสนาน และมีโครงสร้างทางวิทยาศาสตร์ แอปยังมีฟีเจอร์การรู้จำเสียงพูดด้วย AI การเขียนด้วยมือ และวิดีโอแบบโต้ตอบ ช่วยให้เด็กพูดได้อย่างแม่นยำ เขียนได้อย่างมั่นใจ และสร้างความเคยชินกับภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยเวลาเรียนเพียงวันละ 3-7 นาที Monkey Junior ช่วยให้การสร้างนิสัยการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องง่ายโดยไม่กดดัน หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่จะช่วยให้ลูกคุณเก่งภาษาอังกฤษตั้งแต่พื้นฐาน และพร้อมพิชิตข้อสอบอย่าง TOEIC ได้อย่างมั่นใจ Monkey Junior คือจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ |
ตอนนี้คุณน่าจะเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่า toeic คืออะไร และใบรับรองที่มีค่านี้จะช่วยเสริมโปรไฟล์ของคุณในฐานะมืออาชีพชาวไทยได้อย่างไร เราได้อธิบายถึงส่วนประกอบของข้อสอบ เจาะลึกเรื่องค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง และมอบเคล็ดลับที่นำไปใช้ได้จริงเพื่อช่วยให้คุณเตรียมตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นเส้นทาง TOEIC ของคุณวันนี้เลย!