วิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับเด็กผ่านเพลงอย่างมีประสิทธิภาพ
Education Thái Lan

วิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับเด็กผ่านเพลงอย่างมีประสิทธิภาพ

การปรึกษาบทความ:

Hoàng Mỹ Hạnh

Hoàng Mỹ Hạnh

Thạc sĩ Ngôn ngữ - Chuyên gia Giáo dục sớm

ผู้เขียน: Hoàng Hà

วันที่อัปเดต: 10/06/2025

เนื้อหาหลัก

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเพลงเป็นวิธีที่ทั้งสนุกและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเหมาะกับเด็กเล็ก ผ่านทำนองที่มีชีวิตชีวาและคำศัพท์ง่าย ๆ เด็ก ๆ ไม่เพียงแค่เรียนรู้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังสร้างนิสัยการเรียนรู้ที่ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว แล้วเราจะทำอย่างไรให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเพลงสำหรับเด็กได้ผลดีที่สุด?

ประโยชน์ของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเพลงสำหรับเด็กเล็ก

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเพลงไม่เพียงแค่เป็นรูปแบบของความบันเทิง แต่ยังเป็นวิธีการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับเด็กในวัยอนุบาลและประถมศึกษา นี่คือประโยชน์หลัก ๆ ของวิธีการนี้:

  • การจดจำคำศัพท์และโครงสร้างไวยากรณ์ได้ง่าย: เพลงเด็กภาษาอังกฤษมักใช้คำที่ง่ายและซ้ำบ่อย ๆ ช่วยให้เด็ก ๆ จดจำคำศัพท์และประโยคได้อย่างเป็นธรรมชาติ

  • การพัฒนาการออกเสียงและท่วงทำนอง: เด็ก ๆ จะได้ยินการออกเสียงที่ถูกต้องจากเจ้าของภาษาในเพลง ซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ เลียนแบบและพัฒนานิสัยการพูดที่ถูกต้องทั้งเสียงและท่วงทำนอง

  • กระตุ้นความสนใจและรักภาษาอังกฤษ: ดนตรีสร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าการเรียนรู้ภาษาอังกฤษไม่เป็นภาระ แต่กลายเป็นกิจกรรมที่น่าสนุก

  • พัฒนาทักษะการฟังได้อย่างเป็นธรรมชาติ: การฟังเพลงบ่อย ๆ ช่วยให้เด็ก ๆ คุ้นเคยกับเสียงภาษาอังกฤษ และพัฒนาความสามารถในการฟังและเข้าใจโดยไม่ต้องฝึกฝนแบบน่าเบื่อ

  • เพิ่มการตอบสนองและการจดจำที่ยาวนาน: การผสมผสานระหว่างเนื้อเพลง ทำนอง และการเคลื่อนไหวร่างกาย (หากมีการแสดงประกอบ) จะช่วยให้เด็ก ๆ ตอบสนองทางภาษาได้เร็วขึ้นและจดจำบทเรียนได้นานขึ้น.

เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ผ่านเพลง (ภาพ: แหล่งข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต)

เกณฑ์การเลือกเพลงภาษาอังกฤษที่เหมาะสมสำหรับเด็ก

เพื่อให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเพลงมีประสิทธิภาพ การเลือกเพลงที่เหมาะสมกับวัยและความสามารถในการรับรู้ของเด็กเป็นสิ่งสำคัญมาก นี่คือเกณฑ์ที่พ่อแม่และคุณครูควรพิจารณา:

  • ทำนองสนุกสนาน ฟังง่าย: เพลงที่มีจังหวะสนุกและทำนองที่ร้องตามได้ง่ายจะช่วยกระตุ้นความสนใจของเด็กและทำให้พวกเขามีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น

  • คำศัพท์ง่าย ๆ ซ้ำบ่อย: เนื้อเพลงควรใช้คำศัพท์พื้นฐานที่เด็ก ๆ คุ้นเคยและมีการซ้ำคำเพื่อช่วยในการจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เนื้อหาที่ใกล้เคียงกับชีวิตประจำวัน: เพลงควรเน้นหัวข้อที่เด็ก ๆ คุ้นเคย เช่น ตัวอักษร, ตัวเลข, สัตว์, สี, ครอบครัว, สิ่งของ ฯลฯ เพื่อให้เด็กเข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้

  • การออกเสียงชัดเจนและความเร็วที่พอเหมาะ: เลือกเพลงที่มีการออกเสียงชัดเจนและมีจังหวะที่ไม่เร็วเกินไป เพื่อให้เด็กสามารถฟังและเลียนแบบได้ง่าย

  • มีภาพประกอบหรือวิดีโอแสดง: การใช้ภาพหรือวิดีโอการ์ตูนที่มีชีวิตชีวาช่วยให้เด็กเข้าใจเนื้อหาของเพลงได้ดีขึ้น และยังช่วยเสริมการจำและการเชื่อมโยง

  • เหมาะสมกับวัยของเด็ก: ควรหลีกเลี่ยงเพลงที่มีเนื้อหาหรือวิธีการนำเสนอที่ซับซ้อนเกินไป สำหรับเด็กเล็ก ควรเลือกเพลงที่สั้นและมีทำนองกลมกลืน ที่เด็กสามารถร้องตามได้ง่าย

ควรเลือกเพลงที่มีธีมหลากหลาย เหมาะสมกับเด็ก (ภาพ: แหล่งข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต)

วิธีการนำการเรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลงมาใช้สำหรับเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ

การเรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลงเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีจริง ๆ พ่อแม่และคุณครูต้องนำไปใช้ให้ถูกวิธี ต่อไปนี้คือวิธีการง่าย ๆ แต่ได้ผลในการช่วยให้เด็กเล็กซึมซับภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ สนุกสนาน และยั่งยืน:

ให้เด็กฟังเพลงทุกวันในแบบที่เป็นธรรมชาติ

การทำให้การฟังเพลงภาษาอังกฤษเป็นกิจวัตรประจำวันคือขั้นตอนแรกในการช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับภาษาใหม่โดยไม่รู้สึกกดดัน ไม่จำเป็นต้องให้เด็กนั่งเรียนอย่างจริงจังหรือท่องจำเพลง แค่เปิดเพลงในขณะที่เด็กกำลังเล่นของเล่น ทานอาหาร หรือแม้กระทั่งก่อนเข้านอน การฟังเพลงซ้ำ ๆ ทุกวันจะช่วยให้เด็กทำความคุ้นเคยกับทำนอง เสียงและคำศัพท์อย่างไม่รู้ตัว

การฟังเป็นประจำจะสร้าง "สภาพแวดล้อมทางภาษา" ที่เหมาะสม เหมือนกับการที่เด็กเรียนภาษาพื้นเมืองของตัวเอง แม้ว่าเด็กจะยังไม่เข้าใจความหมายทั้งหมด แต่พวกเขาจะเริ่มจดจำคำและออกเสียงได้ถูกต้องจากการฟังซ้ำ ๆ

ร้องเพลงไปกับเด็กเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพัน

เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้นเมื่อได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกับพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ร้องเพลงกับเด็ก ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ แต่ยังสร้างความรู้สึกปลอดภัยและสนุกสนานเมื่อเรียนรู้

การร้องเพลงไปกับเด็กยังช่วยให้เด็กเข้าใจท่วงทำนองและการเว้นจังหวะในภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากเด็กยังเขินอาย พ่อแม่สามารถเริ่มร้องให้ฟังก่อนแล้วค่อย ๆ กระตุ้นให้เด็กร้องตาม ไม่จำเป็นต้องร้องให้ถูกต้องทั้งหมด แค่ให้เด็กมีส่วนร่วมก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว

ร้องเพลงไปกับเด็กเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพัน (ภาพ: แหล่งข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต)

รวมการเคลื่อนไหวหรือเกมประกอบการแสดง

เพลงที่รวมกับการเคลื่อนไหวเป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพัฒนาการของเด็ก ด้วยเพลงที่มีท่าทาง เช่น "Head, Shoulders, Knees and Toes" หรือ "If You're Happy and You Know It" เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย พร้อมฝึกการฟัง – เข้าใจ – ทำตาม

เมื่อร่างกายเคลื่อนไหวตามเนื้อเพลง สมองของเด็กจะจำข้อมูลได้ง่ายขึ้นผ่านการเชื่อมโยงระหว่างภาษา เสียง และการเคลื่อนไหว คุณยังสามารถทำให้บทเรียนกลายเป็นเกมโดยท้าทายให้เด็กทำท่าทางตามเพลงหรือดูว่าใครจำท่าทางได้เร็วกว่า

อธิบายคำศัพท์และเนื้อเพลงอย่างเบา ๆ และสนุกสนาน

ไม่จำเป็นต้องอธิบายอย่างละเอียดเหมือนในห้องเรียน หลังจากแต่ละเพลง คุณสามารถเลือกคำหลัก รูปภาพ หรือประโยคง่าย ๆ มาอธิบายให้เด็กฟัง ใช้ของเล่น รูปภาพ หรือท่าทางประกอบเพื่อให้เด็กเข้าใจและจำได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่าง: หลังจากฟังเพลง "The Wheels on the Bus" คุณอาจชี้ไปที่รถบัสของเล่น พูดคำว่า "bus" ซ้ำ และถามว่า "ลูกจำได้ไหมว่าในเพลงล้อรถทำอะไร?" การถามแบบนี้จะช่วยให้เด็กจำได้และตอบสนองได้เร็วขึ้น

ใช้วิดีโอการ์ตูนหรือภาพประกอบสดใสเพื่อช่วยในการเรียนรู้

สำหรับเด็กเล็ก ภาพประกอบมีบทบาทสำคัญมากในการเรียนรู้ ความเข้าใจเพลงจะเร็วขึ้นเมื่อใช้วิดีโอการ์ตูนที่ช่วยอธิบายเนื้อหา ทำให้เด็กสามารถเชื่อมโยงคำศัพท์กับภาพประกอบเฉพาะและเพิ่มความสนใจในการเรียนรู้

เช่น เพลง "Old MacDonald Had a Farm" ที่มีภาพสัตว์ต่าง ๆ จะช่วยให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์ เช่น cow, pig, duck... และยังช่วยให้จำเสียงที่สัมพันธ์กับแต่ละสัตว์ผ่านเอฟเฟกต์เสียงในวิดีโอ.

ใช้วิดีโอการ์ตูนหรือภาพประกอบสดใสเพื่อช่วยในการเรียนรู้ (ภาพ: แหล่งข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต)

ทบทวนเพลงเก่าก่อนเรียนเพลงใหม่

เด็กเล็กมีความจำระยะสั้นที่จำกัด ดังนั้นการทบทวนเพลงที่เคยเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อให้คำศัพท์และโครงสร้างภาษาติดในความจำระยะยาว ก่อนที่จะสอนเพลงใหม่ คุณควรเปิดเพลงที่เด็กเคยฟังหรือชอบ

คุณอาจทำให้การทบทวนเป็นเกมสนุก ๆ เช่น "แม่เปิดเพลง ลูกทายสิว่าเพลงนี้คือเพลงอะไร?" หรือ "ลูกจำเพลงที่มีแมวได้ไหม?" วิธีนี้จะช่วยให้เด็กมั่นใจและส่งเสริมให้เด็กจดจำได้มากขึ้น

แนะนำเพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก

การเลือกเพลงที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เด็กเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านดนตรี ด้านล่างนี้คือเพลงภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมและชื่นชอบในประเทศไทยที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก:

"Moodeng Moodeng" – เพลงทางการของฮิปโป Moo Deng

เพลงนี้เป็นเพลงทางการเกี่ยวกับ Moo Deng ฮิปโปเพศผู้ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เพลงมีทำนองสนุกสนานและเนื้อเพลงง่าย ๆ เช่น "Moo Deng Moo Deng, boing boing boing / Mommy mommy, play with me" และมีการเผยแพร่ใน 4 ภาษา: ไทย, อังกฤษ, จีน และญี่ปุ่น วิดีโอเพลงมีภาพน่ารักของ Moo Deng ที่ดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ และผู้ปกครอง
ดูที่นี่

"ABC Song" – เพลงตัวอักษรภาษาอังกฤษ

"ABC Song" เป็นเพลงคลาสสิกที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้ตัวอักษรภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดาย ทำนองที่คุ้นเคยและเนื้อเพลงที่เรียบง่ายช่วยให้เด็กจดจำตัวอักษรได้ตามธรรมชาติ เพลงนี้เป็นที่นิยมไม่เพียงแต่ในประเทศไทยแต่ยังทั่วโลก
ดูที่นี่

"Baby Shark" – เพลงสนุกเกี่ยวกับครอบครัวปลาฉลาม

"Baby Shark" เป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่มีทำนองติดหูและท่าทางน่ารัก เพลงนี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวปลาฉลามและได้กลายเป็นส่วนสำคัญในเพลย์ลิสต์ของเด็ก ๆ ในประเทศไทย
ดูที่นี่

"If You're Happy and You Know It" – เพลงโต้ตอบสนุกสนาน

เพลงนี้กระตุ้นให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมด้วยการตบมือ กระทืบเท้า และทำท่าทางอื่น ๆ ตามเนื้อเพลง เป็นวิธีที่ดีในการรวมการเรียนภาษาอังกฤษกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งช่วยให้เด็กพัฒนาทั้งทักษะภาษาและทักษะการเคลื่อนไหว
ดูที่นี่

"Five Little Ducks" – เพลงเกี่ยวกับการนับและครอบครัวเป็ด

"Five Little Ducks" เป็นเพลงน่ารักที่ช่วยให้เด็ก ๆ นับจาก 1 ถึง 5 ผ่านเรื่องราวของลูกเป็ด เพลงมีทำนองที่ไพเราะและเนื้อเพลงที่ซ้ำ ๆ ช่วยให้เด็กจดจำตัวเลขได้ตามธรรมชาติ
ดูที่นี่

เสริมสร้างประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับเด็กด้วย Monkey Junior

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนภาษาอังกฤษให้กับเด็ก ๆ นอกจากการให้เด็กดูวิดีโอเพลงแล้ว พ่อแม่สามารถใช้แอป Monkey Junior ซึ่งเป็นแอปเรียนภาษาอังกฤษที่ครบวงจรสำหรับเด็กอายุ 0 ถึง 11 ปี

Monkey Junior เป็นแอปเรียนภาษาอังกฤษที่พัฒนาโดยบริษัท Egroup Education Joint Stock Company ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2014 แอปนี้ได้ช่วยเด็กมากกว่า 8 ล้านคนทั่วโลกเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างธรรมชาติและมีประสิทธิภาพ Monkey Junior ถูกออกแบบโดยใช้วิธีการศึกษาปฐมวัยเหมาะสมกับเด็กอายุ 0-11 ปีและช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะทั้ง 4 ด้าน: การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน

เสริมสร้างประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับเด็กด้วย Monkey Junior (ภาพ: Monkey)

ทำไมควรเลือก Monkey Junior?

  • เส้นทางการเรียนที่ชัดเจน: แอปนี้มีเส้นทางการเรียนที่มีโครงสร้าง ช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะทั้ง 4 ด้าน: การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน

  • พัฒนาการรอบด้าน: ใช้วิธีการศึกษาปฐมวัย เช่น วิธีของ Glenn Doman การเรียนรู้ผ่านเกม การอ่านการ์ตูนที่มีการโต้ตอบ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ช่วยกระตุ้นความคิดด้านภาษาโดยธรรมชาติของเด็ก

  • รองรับหลายแพลตฟอร์ม: สามารถเรียนได้บนหลายอุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

  • เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา: แอปนี้รองรับการเรียนแบบออฟไลน์ ช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

  • เหมาะกับทุกวัย: Monkey Junior ออกแบบหลักสูตรที่เหมาะสมกับแต่ละวัยและความต้องการในการพัฒนาของเด็ก

  • มีรายงานผลการเรียนที่ชัดเจน: แอป Monkey Junior มีฟีเจอร์รายงานผลการเรียนสำหรับผู้ปกครอง ทำให้พ่อแม่สามารถติดตามความคืบหน้าของลูกและปรับแผนการเรียนให้เหมาะสม

ขณะนี้ Monkey Junior กำลังจัดโปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึง 50% สำหรับการสมัครใหม่ นี่เป็นโอกาสดีที่จะให้ลูกน้อยเริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพและสนุกสนาน สมัครตอนนี้เพื่อรับส่วนลด

ข้อควรระวังเมื่อให้เด็กเรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลง

การเรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลงเป็นวิธีที่สนุกและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับเด็กเล็ก อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลจริง ๆ พ่อแม่ควรคำนึงถึงข้อควรระวังที่สำคัญดังนี้:

  • เลือกเพลงที่มีคำศัพท์ง่าย ๆ ทำนองช้า ๆ และเนื้อหาที่เหมาะสมกับวัยและความสามารถของเด็ก

  • ควรเลือกเพลงที่มีภาพประกอบที่มีชีวิตชีวา เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมโยงและจดจำ

  • ให้เด็กฟังเพลงเดิมซ้ำ ๆ หลายครั้ง เพื่อสร้างความคุ้นเคยและช่วยให้จำคำใหม่ได้ดีขึ้น

  • กระตุ้นให้เด็กร้องตามและเลียนแบบการออกเสียงในเพลงเพื่อฝึกทักษะการพูด

  • ผสมผสานเพลงกับกิจกรรมทางกาย เช่น การเต้นรำหรือทำตามท่าทาง เพื่อเพิ่มความสนุกและช่วยให้เด็กจดจำได้ดีขึ้น

  • หลังจากฟังเพลงแล้ว คุยกับเด็กเกี่ยวกับเนื้อหาของเพลง ถามคำถามเพื่อช่วยให้เด็กเข้าใจเพลงได้ลึกซึ้งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการบังคับให้เด็กท่องเนื้อเพลง ควรให้เด็กซึมซับเพลงไปตามธรรมชาติจากการฟังซ้ำ

  • ควบคุมเวลาฟังเพลงให้เหมาะสม ผสมผสานกับกิจกรรมการเรียนรู้อื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาอุปกรณ์มากเกินไป

  • สร้างนิสัยในการฟังเพลงภาษาอังกฤษทุกวันเพื่อพัฒนาการตอบสนองทางภาษาโดยธรรมชาติ

  • ควรหลากหลายเพลงตามธีมต่าง ๆ (การนับเลข สี สัตว์ ฯลฯ) เพื่อขยายคลังคำศัพท์ของเด็ก

สรุป

การเรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลงไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กเข้าถึงภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังทำให้การเรียนรู้มีความสนุกสนานและน่าสนใจมากขึ้น ด้วยวิธีการที่ถูกต้องและการสนับสนุนจากพ่อแม่ การเรียนจะกลายเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นทุกวัน

ข้อมูลในบทความนี้ถูกรวบรวมขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการอ้างอิงเท่านั้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า กรุณาตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อรับทราบข้อมูลล่าสุด

บทความล่าสุด

ลงทะเบียนรับคำปรึกษา

และโปรโมชั่น Monkey Stories