ประโยคความรวมคือหนึ่งในโครงสร้างประโยคพื้นฐานที่สำคัญในภาษาอังกฤษ ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความคิดหลายประโยคให้กลายเป็นประโยคที่ชัดเจนและลื่นไหลมากขึ้น การเข้าใจประโยคความรวมไม่เพียงช่วยให้เขียนได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่ยังเพิ่มความเป็นธรรมชาติในการสื่อสารอีกด้วย
ประโยคความรวมคืออะไร?
ประโยคความรวมคือประโยคที่เชื่อมประโยคอิสระสองประโยคขึ้นไปเข้าด้วยกัน จุดสำคัญอยู่ที่ “ประโยคอิสระ” ซึ่งหมายถึงประโยคที่มีทั้งประธานและกริยา ทำให้สามารถเป็นประโยคสมบูรณ์ได้ด้วยตัวเอง กล่าวโดยสรุป ประโยคความรวมคือการนำประโยคที่เกี่ยวข้องกันมารวมเป็นประโยคเดียว
-
ประโยคความเดียว: My name is Montoya. I’m here for the interview.
-
ประโยคความรวม: My name is Montoya, and I’m here for the interview.
-
ประโยคความรวม: My name is Montoya; I’m here for the interview.
โครงสร้างของประโยคความรวม
โดยทั่วไปประโยคความรวมจะใช้เครื่องหมายจุลภาค (,) ตามด้วยคำสันธาน (coordinating conjunction) ซึ่งเป็นคำสั้น ๆ ที่เชื่อมคำหรือวลีเข้าด้วยกันในประโยค คุณอาจจำคำสันธานเหล่านี้ได้จากตัวย่อ FANBOYS: for, and, nor, but, or, yet, และ so
นอกจากนี้ประโยคความรวมยังสามารถใช้เครื่องหมายอัฒภาค (;) เพื่อเชื่อมประโยคอิสระทั้งสอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้คำสันธานก็ได้
ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้เพื่อเข้าใจวิธีการทำงานของประโยคความรวม ด้านล่างนี้คือประโยคง่าย ๆ สองประโยคที่สมบูรณ์ ซึ่งแต่ละประโยคมีประธานและกริยาเป็นของตนเอง:
“I have a pet iguana. His name is Fluffy.”
-
เพื่อรวมให้เป็นประโยคความรวม เราเพียงเพิ่มเครื่องหมายจุลภาคและคำสันธาน “and”: I have a pet iguana, and his name is Fluffy.
-
หรือเราสามารถสร้างประโยคความรวมได้โดยใช้เพียงเครื่องหมายอัฒภาค ซึ่งประโยคก็ยังคงถูกต้อง: I have a pet iguana; his name is Fluffy.
-
แม้ว่าทั้งสองประโยคจะพูดถึงเรื่องเดียวกัน แต่ประธานของแต่ละประโยคอิสระนั้นแตกต่างกัน: ประธานของประโยคแรกคือ “I” ส่วนประธานของประโยคที่สองคือ “name” นี่คือเหตุผลที่มันถูกจัดว่าเป็นประโยคอิสระ และประโยคจะถือเป็นประโยคความรวมก็ต่อเมื่อประกอบด้วยประโยคอิสระตั้งแต่สองประโยคขึ้นไป ตัวอย่างเช่น ประโยคด้านล่างนี้ไม่ใช่ประโยคความรวม: I have a pet iguana whose name is Fluffy.
ตัวอย่างของประโยคความรวม
ลองดูตัวอย่างเพิ่มเติมจากนักเขียนชื่อดังในประวัติศาสตร์:
-
“Nature does not hurry, yet everything is accomplished.” -Lao Tzu
-
“Be yourself; everyone else is already taken.” -Oscar Wilde
-
“You will face many defeats in life, but never let yourself be defeated.” -Maya Angelou

กฎของประโยคความรวม
1. ประโยคความรวมจะต้องมีประธานอย่างน้อยสองตัวและกริยาอย่างน้อยสองตัว
หากทั้งสองอนุประโยคอิสระมีประธานเดียวกัน จะต้องระบุประธานนั้นซ้ำอีกครั้งตามตัวอย่างด้านล่าง เพื่อให้ประโยคถือว่าเป็นประโยคความรวม:
“I alone cannot change the world, but I can cast a stone across the water to create many ripples.” -Mother Teresa
2. ประโยคที่มีสองประธานแต่มีเพียงกริยาเดียว หรือมีประธานเดียวแต่มีสองกริยา ไม่ถือเป็นประโยคความรวม
-
ไม่ผสม: Adelaide and I sing our duet tonight.
-
ไม่ผสม: Adelaide sings and dances at the same time.
แต่ละประโยคมีเพียงอนุประโยคอิสระเดียว อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทำให้มันกลายเป็นประโยคความรวมได้โดยการเพิ่มอนุประโยคอิสระใหม่เข้าไป
-
สารประกอบ: Adelaide sings and dances at the same time, but I can only do one thing at once.
3. ประโยคคำสั่ง (imperative sentence) มักไม่แสดงประธาน เพราะประธานถูกสื่อโดยนัย
ซึ่งจะนำไปสู่ประโยคความรวมเช่นตัวอย่างนี้ โดยอนุประโยคอิสระแรกมีประธานโดยนัยคือ “คุณ”:
Get me some water, or the fire will spread!
เครื่องหมายวรรคตอนในประโยคความรวม
เมื่อสร้างประโยคความรวม ควรจดจำกฎเหล่านี้ไว้:
-
วางเครื่องหมายจุลภาค (,) ก่อนคำสันธานประสาน (coordinating conjunction)
-
หากไม่ได้ใช้คำสันธาน ให้ใช้เครื่องหมายอัฒภาค (;) ระหว่างอนุประโยค
-
และตามปกติ ให้ขึ้นต้นอนุประโยคอิสระที่สองด้วยตัวอักษรเล็ก เพราะประโยคความรวมถือเป็นประโยคเดียว ตัวอักษรตัวแรกของอนุประโยคแรกเท่านั้นที่ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในประโยคความรวม
ประโยคความรวมอาจทำให้สับสนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรระวังข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ง่ายต่อไปนี้
1. ประโยควิ่งยาว (Run-on sentences)
ประโยควิ่งยาวคือข้อผิดพลาดทั่วไปในการเขียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประโยคเชื่อมต่ออนุประโยคเข้าด้วยกันอย่างไม่ถูกต้อง ในการเขียน ประโยควิ่งยาวไม่เพียงผิดหลักไวยากรณ์เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ยากอีกด้วย
เพื่อหลีกเลี่ยงทั้งประโยควิ่งยาวและประโยคความรวมที่ยาวและซับซ้อนเกินไป ควรจำกัดจำนวนอนุประโยคในหนึ่งประโยคไว้ที่สองหรือสามอนุประโยค หากจำเป็นต้องมีมากกว่านั้น ควรทำให้แต่ละอนุประโยคสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยการตัดคำที่ไม่จำเป็นออก
I woke up, the clock said 9:00 so I panicked and took a shower, got ready, ate breakfast, and ran out the door, but then I looked at my phone, it said it was actually Saturday and I had the day off.
I woke up, and the clock said 9:00, so I panicked. I took a shower, got ready, ate breakfast, and ran out the door. Then I looked at my phone; it said it was actually Saturday. I had the day off.
โปรดจำไว้ว่า ประโยคสั้นจะเข้าใจได้ง่ายกว่าและช่วยให้เนื้อหามีจังหวะเร็วขึ้น การสลับระหว่างประโยคสั้นและยาวจะช่วยให้การเขียนของคุณมีจังหวะและดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้ดีขึ้น

2. การเชื่อมประโยคที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
แม้ว่าคุณจะมีสองอนุประโยคอิสระ แต่คุณไม่ควรเชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกันหากไม่มีความสัมพันธ์กัน อนุประโยคทั้งสองควรอธิบายซึ่งกันและกันหรือเพิ่มรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง มิฉะนั้นควรแยกออกเป็นสองประโยคต่างหากจะดีกว่า
I couldn’t sleep that night, but there would be breakfast at the school tomorrow.
แน่นอนว่าคุณสามารถเขียนใหม่ให้แสดงความเชื่อมโยงระหว่างอนุประโยคได้ แล้วจึงเชื่อมต่อกันเป็นประโยคความรวม
I couldn’t sleep that night, but it was reassuring to know there would be breakfast at the school tomorrow.
Monkey Junior - เส้นทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ครอบคลุมสำหรับเด็ก
เริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจกับ Monkey Junior แอปที่ช่วยให้เด็กเข้าใจคำศัพท์ พยัญชนะ และเสียงพื้นฐานของภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านภาพ เสียง และวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจ เด็กจะได้เรียนรู้แบบ “เล่นไปเรียนไป” โดยไม่รู้สึกเบื่อ Monkey Junior ใช้วิธีสอนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เช่น Phonics และ Glenn Doman เพื่อพัฒนาเด็กตั้งแต่ระดับเริ่มต้น เด็กจะได้สร้างพื้นฐานภาษาอังกฤษที่แข็งแรง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสื่อสารในอนาคต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประโยคความรวม
1. ประโยคความรวมคืออะไร?
ประโยคความรวมคือประโยคที่มีสองอนุประโยคอิสระขึ้นไป อนุประโยคอิสระประกอบด้วยประธานและกริยา ทำให้เป็นความคิดที่สมบูรณ์ ประโยคความรวมจะรวมแนวคิดที่เกี่ยวข้องกันแต่แยกกันออกมาไว้ในประโยคเดียวที่สอดคล้องกัน
2. จะสร้างประโยคความรวมได้อย่างไร?
มีสองวิธีในการสร้างประโยคความรวม วิธีแรกคือแยกอนุประโยคอิสระด้วยเครื่องหมายจุลภาค ตามด้วยคำสันธานเชื่อม เช่น and, but, or, or (I am tired, but I will finish my work.) วิธีที่สองคือใช้เครื่องหมายอัฒภาคเชื่อมระหว่างอนุประโยคโดยไม่ต้องใช้คำสันธาน (I am tired; I will finish my work.)
3. ความแตกต่างระหว่างประโยคความรวมกับประโยคซับซ้อนคืออะไร?
ในขณะที่ประโยคความรวมใช้สองอนุประโยคอิสระขึ้นไป ประโยคซับซ้อนจะมีเพียงอนุประโยคอิสระหนึ่งอนุประโยคและอย่างน้อยหนึ่งอนุประโยคย่อย อนุประโยคย่อยไม่สามารถยืนเป็นประโยคได้ด้วยตนเองเหมือนอนุประโยคอิสระ ประโยคซับซ้อนใช้คำสันธานรอง (subordinating conjunctions) ในขณะที่ประโยคความรวมใช้คำสันธานหลัก (coordinating conjunctions)
4. ประโยคสามารถเป็นได้ทั้งประโยคความรวมและประโยคซับซ้อนไหม?
ได้ ประโยคประเภทนี้เรียกว่า compound-complex sentence ซึ่งเป็นประโยคที่รวมอย่างน้อยสองอนุประโยคอิสระและอย่างน้อยหนึ่งอนุประโยคย่อยเข้าไว้ด้วยกัน (After we finished our homework, I watched TV and my brother played video games.)
5. การใช้ประโยคความรวมในการเขียนคืออะไร?
ประโยคความรวมช่วยเชื่อมโยงแนวคิดที่เกี่ยวข้องกัน ทำให้เนื้อหาไหลลื่นและเพิ่มความหลากหลายในการเขียน การรวมอนุประโยคอิสระสองประโยคเข้าด้วยกันทำให้การเขียนดูมีชีวิตชีวา น่าสนใจ และยังช่วยลดความซ้ำซากจากการใช้ประโยคง่ายซ้ำ ๆ อีกด้วย

เมื่อเข้าใจโครงสร้างและหลักการใช้ของประโยคความรวมแล้ว ผู้เรียนจะสามารถสร้างประโยคที่มีความเชื่อมโยงและแสดงความคิดได้ครบถ้วนมากขึ้น การฝึกเขียนและอ่านประโยคความรวมเป็นประจำจะช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้ก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด




