เคล็ดลับสอนลูกฝึกเขียนภาษาอังกฤษที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับการเรียนรู้ (TH)

เคล็ดลับสอนลูกฝึกเขียนภาษาอังกฤษที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพ

การปรึกษาบทความ:

Hoàng Mỹ Hạnh

Hoàng Mỹ Hạnh

Thạc sĩ Ngôn ngữ - Chuyên gia Giáo dục sớm

ผู้เขียน: Hoàng Hà

วันที่อัปเดต: 31/07/2025

เนื้อหาหลัก

การฝึกเขียนภาษาอังกฤษที่บ้านไม่เพียงช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับภาษาต่างประเทศ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความคิดและทักษะการแสดงออกตั้งแต่ยังเล็ก บทความนี้จะเผยเคล็ดลับง่าย ๆ แต่ได้ผลอย่างมาก ที่จะช่วยให้พ่อแม่สามารถร่วมเดินทางกับลูกในการเรียนภาษาอังกฤษในแต่ละวันได้อย่างราบรื่น

ควรเริ่มสอนการเขียนภาษาอังกฤษให้ลูกเมื่อไหร่?

เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มสอนการเขียนภาษาอังกฤษให้เด็กคือเมื่อเด็กมีพื้นฐานด้านการฟังและการพูดภาษาอังกฤษแล้ว ซึ่งมักอยู่ในช่วงอายุประมาณ 4 ถึง 6 ปี ในวัยนี้ เด็กเริ่มจดจำตัวอักษรได้ดีขึ้น จับปากกาได้คล่องขึ้น และสามารถมีสมาธิในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ ซึ่งถือเป็น “ช่วงเวลาทอง” ในการพัฒนาทักษะการเขียน

อย่างไรก็ตาม เวลาเริ่มต้นของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเด็ก:

  • ถ้าเด็กเพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ: ควรเน้นที่การฟังและพูนก่อน แล้วค่อย ๆ ฝึกเขียนตัวอักษรและคำศัพท์ง่าย ๆ

  • ถ้าเด็กคุ้นเคยกับตัวอักษรภาษาอังกฤษแล้ว: สามารถเริ่มฝึกเขียนคำศัพท์สั้น ๆ หรือประโยคง่าย ๆ โดยผสมผสานเกมและภาพประกอบเพื่อกระตุ้นความสนใจ

สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สบายและสนุกสนาน หลีกเลี่ยงการบังคับให้เด็กฝึกเขียนเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้เบื่อหรือกลัวการเรียนได้

ฝึกเขียนภาษาอังกฤษให้ลูกเมื่อเขาพร้อม (ภาพ: รวบรวมจากอินเทอร์เน็ต)

วิธีสอนลูกฝึกเขียนภาษาอังกฤษที่บ้านอย่างได้ผล

การฝึกเขียนภาษาอังกฤษที่บ้านจะง่ายและได้ผลมากขึ้น หากพ่อแม่ใช้วิธีที่เหมาะสม สิ่งสำคัญคือการสร้างแรงจูงใจ รักษาความอดทน และสร้างนิสัยการฝึกเขียนอย่างสม่ำเสมอในแต่ละวัน ด้านล่างนี้คือวิธีที่มีประโยชน์สำหรับผู้ปกครองในการร่วมเดินทางกับลูกในการพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เนิ่น ๆ

เริ่มจากการเขียนตัวอักษรและคำศัพท์ง่าย ๆ

ก่อนที่เด็กจะสามารถเขียนประโยคหรือย่อหน้าได้ เด็กควรเริ่มต้นจากการรู้จักตัวอักษรภาษาอังกฤษและคำศัพท์ง่าย ๆ พ่อแม่ควรใช้แผ่นตัวอักษรสีสันสดใส แฟลชการ์ด หรือหนังสือระบายสีตัวอักษร เพื่อให้ลูกฝึกเขียนทีละตัวอย่างถูกต้อง

ในช่วงนี้ไม่จำเป็นต้องเน้นความสมบูรณ์แบบ แต่ควรให้ความสำคัญกับการฝึกมือเขียนตัวอักษรและการจดจำคำ ให้ลูกลองเขียนชื่อสิ่งของรอบตัว เช่น “apple”, “cup”, “bed” เพื่อให้ได้ทั้งคำศัพท์ใหม่และการฝึกเขียนไปพร้อมกัน

ฝึกเขียนผ่านเกมและกิจกรรมสร้างสรรค์

เมื่อการเรียนรู้กลายเป็นเกม เด็กจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้นโดยไม่รู้สึกกดดัน พ่อแม่สามารถใช้เกมต่าง ๆ เช่น “เชื่อมคำเป็นประโยค”, “เติมคำที่หายไป”, หรือ “วาดภาพแล้วเขียนชื่อสิ่งของ”

นอกจากนี้ กิจกรรมอย่างการทำสมุดคำศัพท์ส่วนตัว การเขียนการ์ดอวยพร (เป็นภาษาอังกฤษ) หรือการบรรยายภาพด้วยประโยคง่าย ๆ ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะการเขียนอย่างเป็นธรรมชาติ

สอนเด็กฝึกเขียนผ่านกิจกรรมและเกมแบบโต้ตอบ (ภาพ: รวบรวมจากอินเทอร์เน็ต)

ใช้ประโยคตัวอย่างสั้น ๆ และฝึกให้เด็กแต่งประโยคเอง

หลังจากเด็กคุ้นเคยกับการเขียนคำศัพท์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการฝึกแต่งประโยคสั้น ๆ พ่อแม่สามารถให้โครงสร้างประโยคตัวอย่าง เช่น:

  • I like + (ชื่ออาหาร/ของเล่น)

  • This is a + (ชื่อสิ่งของ)

  • She is + (คำคุณศัพท์บรรยาย)

จากนั้นกระตุ้นให้เด็กเปลี่ยนคำศัพท์เพื่อสร้างประโยคใหม่ วิธีนี้จะช่วยให้เด็กจำคำศัพท์ เข้าใจรูปแบบประโยคภาษาอังกฤษ และเพิ่มความสามารถในการสื่อสารได้ดีขึ้น

สร้างนิสัยเขียนไดอารี่หรือจดบันทึกประจำวันเป็นภาษาอังกฤษ

การเขียนไดอารี่หรือบันทึกประจำวันเป็นภาษาอังกฤษถือเป็นวิธีฝึกเขียนที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน สำหรับเด็กเล็ก ผู้ปกครองสามารถเริ่มจากให้ลูกเขียนประโยคสั้น ๆ วันละ 1–2 ประโยคเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำ เช่น:

 “Today I played with my dog.”

 “I ate ice cream. It was yummy.”

หรือง่ายกว่านั้น เด็กอาจเขียนรายการของเล่นที่ชอบ อาหารที่ชอบ หรือ “รายงานสภาพอากาศ” ง่าย ๆ ในแต่ละเช้า การฝึกเขียนทุกวันช่วยให้เด็กพัฒนาการตอบสนองทางภาษาและสร้างนิสัยคิดเป็นภาษาอังกฤษ

สอนลูกฝึกเขียนผ่านสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน (ภาพ: รวบรวมจากอินเทอร์เน็ต)

ใช้เทคโนโลยีและสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสม

ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กมากมายที่ออกแบบมาเพื่อฝึกทักษะการเขียนโดยเฉพาะ เช่น WriteReader, ABCmouse หรือเกมฝึกเขียนออนไลน์
นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถดาวน์โหลดใบงานฝึกเขียน (worksheet) ที่เหมาะสมกับวัยเพื่อให้เด็กฝึกเพิ่มทุกวัน

การผสมผสานระหว่างสื่อกระดาษกับเทคโนโลยีจะช่วยให้เด็กสนุกและไม่เบื่อเวลาฝึกเขียนที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองควรควบคุมเวลาใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และให้ลูกใช้ดินสอหรือปากกาเขียนจริงเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนด้วยมือ

พัฒนาทักษะฟัง–พูด–อ่าน–เขียนภาษาอังกฤษอย่างครบถ้วนให้ลูกด้วย Monkey Junior

การพัฒนาให้เด็กมีทักษะครบทั้งฟัง พูด อ่าน เขียนตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ในอนาคต และ Monkey Junior คือผู้ช่วยคนสำคัญของผู้ปกครองในเส้นทางนี้

Monkey Junior คือแอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กอายุ 0–10 ปี ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองหลายล้านคนในเวียดนามและทั่วโลก ด้วยหลักสูตรที่เป็นระบบ เนื้อหาหลากหลาย และการออกแบบที่น่าสนใจ Monkey Junior ช่วยให้เด็กเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ สนุกสนาน และมีประสิทธิภาพจากที่บ้าน

โดยเฉพาะฟีเจอร์ M-Write สำหรับฝึกเขียนภาษาอังกฤษอัจฉริยะ ที่ช่วยให้เด็ก:

  • เรียนรู้การเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษทีละเส้น ทีละตัวอักษร

  • พัฒนาความจำคำศัพท์ด้วยการฝึกเขียนซ้ำบนหน้าจอ

  • ฝึกสะกดคำและโครงสร้างการเขียนอย่างถูกต้องตั้งแต่ยังเล็ก

M-Write ผสมผสานการเขียนด้วยมือและเทคโนโลยีอินเทอร์แอคทีฟ ช่วยให้การเรียนเขียนสนุก ไม่จำเจ เด็กได้ฝึกทั้งการเขียน การออกเสียง และความหมายของคำศัพท์ในบทเรียนเดียวกัน

สมัครเรียนฟรีวันนี้ เพื่อให้ลูกเริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษแบบครบด้านกับ Monkey Junior – แอปเรียนระดับสากล ได้ผลจริง และได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา

พัฒนาทักษะฟัง–พูด–อ่าน–เขียนภาษาอังกฤษอย่างครบถ้วนให้ลูกด้วย Monkey Junior

ข้อควรระวังเมื่อต้องสอนการเขียนภาษาอังกฤษให้เด็กเล็ก

เมื่อเริ่มสอนลูกเขียนภาษาอังกฤษที่บ้าน ผู้ปกครองควรใส่ใจในบางประเด็นสำคัญต่อไปนี้ เพื่อให้การเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่สร้างความเครียดให้กับเด็ก:

  • อย่าบังคับให้เรียนเร็วเกินไป: ควรให้เด็กเริ่มฝึกเขียนเมื่อเขาคุ้นเคยกับตัวอักษรและสามารถจับดินสอได้ดีแล้ว โดยปกติมักเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไป

  • เริ่มจากสิ่งง่าย ๆ ก่อน: ให้เด็กเขียนตัวอักษรและคำศัพท์พื้นฐานก่อน แล้วค่อย ๆ พัฒนาไปสู่การเขียนประโยคสั้น ๆ และย่อหน้า

  • ให้ความสำคัญกับการเขียนถูกต้องก่อนสวยงาม: ควรเน้นการสะกดคำและโครงสร้างประโยคที่ถูกต้อง มากกว่าการเขียนให้สวยงาม

  • ควบคู่กับทักษะฟัง–พูด–อ่าน: ให้เด็กได้ฟัง พูด และอ่านก่อน เพื่อเสริมความเข้าใจและการจดจำ ก่อนเริ่มลงมือเขียน

  • สร้างบรรยากาศการเรียนที่สนุก: ควรให้กำลังใจลูกและแก้ไขข้อผิดพลาดอย่างนุ่มนวล เพื่อให้เด็กมั่นใจและไม่รู้สึกกดดันในการเรียน

คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างแรงจูงใจให้ลูกขณะฝึกเขียนภาษาอังกฤษ (ภาพ: รวบรวมจากอินเทอร์เน็ต)

สรุป

การฝึกเขียนภาษาอังกฤษให้ลูกจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากคุณพ่อคุณแม่ใช้วิธีการที่เหมาะสม สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนที่ดี และมีความอดทนในการร่วมเรียนรู้ไปกับลูกในแต่ละวัน เริ่มต้นจากก้าวเล็ก ๆ เพื่อวางรากฐานที่แข็งแรงให้กับลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ

ข้อมูลในบทความนี้ถูกรวบรวมขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการอ้างอิงเท่านั้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า กรุณาตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อรับทราบข้อมูลล่าสุด

บทความล่าสุด

ลงทะเบียนรับคำปรึกษา

และโปรโมชั่น Monkey Stories