คะแนนโทอิค: โครงสร้างข้อสอบ การให้คะแนน และเคล็ดลับสู่คะแนนสูง
เคล็ดลับการเรียนรู้ (TH)

คะแนนโทอิค: โครงสร้างข้อสอบ การให้คะแนน และเคล็ดลับสู่คะแนนสูง

การปรึกษาบทความ:

Hoàng Mỹ Hạnh

Hoàng Mỹ Hạnh

Thạc sĩ Ngôn ngữ - Chuyên gia Giáo dục sớm

ผู้เขียน: Ngân Hà

วันที่อัปเดต: 18/07/2025

เนื้อหาหลัก

คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะพาคุณทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ อธิบายวิธีการคำนวณคะแนนโทอิค และที่สำคัญที่สุดคือ แนะนำเคล็ดลับและกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริง เพื่อช่วยให้คุณพิชิตคะแนนโทอิคในฝันได้อย่างมั่นใจ มาเริ่มต้นปลดล็อกเส้นทางสู่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการกันเลย

ความหมายของแต่ละระดับคะแนนโทอิค

แม้ว่าการสอบ TOEIC จะไม่มีผลสอบผ่านหรือไม่ผ่าน แต่คะแนนโทอิคสามารถสะท้อนระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของคุณในการสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน โดยคะแนนจะแบ่งออกเป็น 6 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับจะบ่งบอกถึงศักยภาพในการใช้ภาษาอังกฤษที่แตกต่างกันออกไป

ช่วงคะแนน TOEIC

ระดับความเชี่ยวชาญ

ความหมาย

905 - 990

International Professional Proficiency

สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมืออาชีพในทุกสถานการณ์

785 - 900

Working Proficiency Plus

สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการได้บ่อยครั้ง

605 - 780

Limited Working Proficiency

สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานได้อย่างจำกัด แต่สามารถสื่อสารทั่วไปได้

405 - 600

Elementary Proficiency Plus

สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนาและการสื่อสารแบบเห็นหน้ากัน

255 - 400

Elementary Proficiency

สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างจำกัด โดยสามารถสนทนาแบบเห็นหน้ากันด้วยประโยคที่ไม่ซับซ้อน

10 - 250

Basic Proficiency

สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการเอาตัวรอดได้เท่านั้น

โครงสร้างข้อสอบ TOEIC และวิธีคำนวณคะแนนโทอิค

TOEIC (Test of English for International Communication) เป็นการสอบแบบปรนัยทั้งหมด โดยคะแนนโทอิคเต็มอยู่ที่ 990 คะแนน ข้อสอบประกอบด้วย 200 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 พาร์ตหลักอย่างละ 100 ข้อ ได้แก่ พาร์ตการฟัง (Listening) และพาร์ตการอ่าน (Reading)

คะแนนโทอิคเต็ม 990 คะแนน (ภาพ: อินเทอร์เน็ต)

ภาพรวมรูปแบบข้อสอบ TOEIC:

พาร์ต

หมวด

จำนวนข้อ

รายละเอียด

Part 1

Listening

6 ข้อ

ดูภาพแล้วฟัง 4 ประโยค เลือกประโยคที่อธิบายภาพได้ตรงที่สุด

Part 2

Listening

25 ข้อ

ฟังคำถามหรือข้อความ แล้วเลือกคำตอบที่เหมาะสมที่สุด

Part 3

Listening

39 ข้อ

ฟังบทสนทนา 2-3 คน แล้วตอบคำถามเกี่ยวกับบทสนทนานั้น

Part 4

Listening

30 ข้อ

ฟังคำพูดหรือประกาศสั้น ๆ แล้วตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง

Part 5

Reading

30 ข้อ

เติมคำหรือวลีที่เหมาะสมในแต่ละประโยค

Part 6

Reading

16 ข้อ

เติมคำหรือประโยคในข้อความสั้น ๆ ให้สมบูรณ์

Part 7

Reading

54 ข้อ

อ่านบทความ (เดี่ยว คู่ หรือสามบทความ) แล้วตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง

แต่ละพาร์ต (Listening และ Reading) มีคะแนนตั้งแต่ 5 ถึง 495 คะแนน รวมแล้ว คะแนนโทอิคทั้งหมดอยู่ในช่วง 10 - 990 คะแนน ตารางประเมินคะแนนโทอิคตามจำนวนข้อถูก:

จำนวนข้อถูก

คะแนนประมาณการ

พาร์ต Listening

27

60

56

275 (ระดับ B1)

75

390

89

470

93+

495 (เต็ม)

พาร์ต Reading

30

ต่ำกว่า 110

39

110

63

275 (ระดับ B1)

75

390

95

470

100

495 (เต็ม)

เปรียบเทียบคะแนนโทอิคกับมาตรฐาน CEFR

CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) คือมาตรฐานสากลที่ใช้ในการอธิบายระดับความสามารถทางภาษาใน 4 ทักษะหลัก ได้แก่ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด แม้ว่าข้อสอบ TOEIC จะวัดเฉพาะทักษะการฟังและการอ่านเป็นหลัก แต่สามารถใช้คะแนนโทอิคเพื่อประมาณระดับ CEFR ได้

การจับคู่คะแนนโทอิคกับระดับ CEFR:

  • A1 (ระดับเริ่มต้น): คะแนนโทอิค 120 - 220 ผู้เรียนสามารถเข้าใจและใช้สำนวนทั่วไปในชีวิตประจำวัน และวลีพื้นฐานเพื่อแสดงความต้องการพื้นฐานได้

  • A2 (ระดับพื้นฐาน): คะแนนโทอิค 225 - 545 สามารถสื่อสารในงานง่าย ๆ ที่ต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยตรง และเข้าใจสำนวนที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

  • B1 (ระดับกลาง): คะแนนโทอิค 550 - 780 สามารถรับมือกับสถานการณ์ทั่วไปในที่ทำงานหรือระหว่างการเดินทาง และเขียนข้อความเชื่อมโยงง่าย ๆ ในหัวข้อที่คุ้นเคย

  • B2 (ระดับกลางค่อนสูง): คะแนนโทอิค 785 - 940 สามารถเข้าใจบทความซับซ้อน สนทนาได้อย่างคล่องแคล่ว และแสดงความคิดเห็นในหัวข้อหลากหลายได้ชัดเจน

  • C1 (ระดับสูง): คะแนนโทอิค 945 - 990 แสดงถึงความสามารถในการเข้าใจเนื้อหายาก ใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว มีประสิทธิภาพ และแม่นยำ

เปรียบเทียบคะแนนโทอิคกับมาตรฐาน CEFR (ภาพ: อินเทอร์เน็ต)

คะแนนโทอิคขั้นต่ำที่แนะนำสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

TOEIC (Test of English for International Communication) เป็นการทดสอบที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในสถาบันการศึกษาและองค์กรต่าง ๆ เพื่อประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย เช่น การสำเร็จการศึกษา การสมัครงาน หรือการเลื่อนตำแหน่ง แต่ละกลุ่มบุคคลอาจต้องมีคะแนนโทอิคขั้นต่ำที่แตกต่างกัน

คะแนนโทอิคขั้นต่ำที่แนะนำตามกลุ่ม:

  • นักเรียนมัธยมปลาย: แนะนำ ขั้นต่ำ 350 - 450 คะแนน คะแนนระดับนี้แสดงถึงความสามารถในการสื่อสารขั้นพื้นฐาน และเข้าใจภาษาอังกฤษพูดและเขียนแบบง่าย ๆ

  • นักศึกษามหาวิทยาลัย: แนะนำ ขั้นต่ำ 500 - 650 คะแนน สะท้อนความสามารถระดับกลาง เหมาะสำหรับการอ่านบทความเชิงวิชาการและเข้าร่วมการสนทนาในห้องเรียน

  • ผู้สมัครงาน / นักศึกษาจบใหม่: แนะนำ ขั้นต่ำ 600 - 750 คะแนน สามารถเข้าใจอีเมล งานนำเสนอ และการสื่อสารในสถานที่ทำงานได้ดี

  • พนักงานที่ทำงานแล้ว (ใช้สำหรับเลื่อนตำแหน่งหรือโยกย้ายระหว่างประเทศ): แนะนำ ขั้นต่ำ 750 - 850 คะแนน สะท้อนทักษะภาษาอังกฤษระดับกลางค่อนสูง ถึงระดับสูง ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานในสภาพแวดล้อมธุรกิจระดับสากล

  • ผู้เชี่ยวชาญในบริษัทข้ามชาติหรือผู้บริหาร: แนะนำ ขั้นต่ำ 850 - 900 คะแนนขึ้นไป แสดงถึงความสามารถทางภาษาอังกฤษขั้นสูง สามารถรับมือกับสถานการณ์ซับซ้อน เช่น การเจรจาและการตัดสินใจทางธุรกิจ

คะแนนโทอิคขั้นต่ำที่แนะนำในแต่ละกลุ่ม (ภาพ: อินเทอร์เน็ต)

เคล็ดลับในการทำคะแนนโทอิคให้สูง

การทำคะแนนโทอิคให้สูงไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้ภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ยังต้องมี กลยุทธ์ การเตรียมตัว และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนหรือนักทำงาน เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยเพิ่มคะแนนโทอิคของคุณ และเปิดประตูสู่โอกาสทางการศึกษาและการทำงานที่ดียิ่งขึ้น

  • ทำความเข้าใจรูปแบบข้อสอบ TOEIC: เริ่มจากการศึกษารูปแบบข้อสอบซึ่งมีทั้งหมด 200 ข้อ แบบปรนัย แบ่งเป็น 2 พาร์ต: การฟัง (Listening) และการอ่าน (Reading) การรู้ล่วงหน้าว่าจะเจอกับอะไรจะช่วยลดความเครียดในวันสอบและเพิ่มสมาธิได้มากขึ้น

  • ฝึกฟังภาษาอังกฤษทุกวัน: ใช้สื่อเสียงภาษาอังกฤษ เช่น พอดแคสต์ ข่าว หรือแบบฝึกหัด Listening ของ TOEIC ฝึกจับใจความสำคัญ รายละเอียดเฉพาะ น้ำเสียง และเจตนาของผู้พูด

  • เพิ่มคลังคำศัพท์ให้หลากหลาย: ทบทวนคำศัพท์ที่พบบ่อยในข้อสอบ โดยเฉพาะคำศัพท์ในบริบทธุรกิจ ใช้แฟลชการ์ดหรือแอปเพื่อทบทวนคำศัพท์เป็นประจำ

  • ฝึกทำข้อสอบจำลอง: ลองทำข้อสอบ TOEIC เต็มชุดในสภาพแวดล้อมเหมือนจริง เพื่อฝึกบริหารเวลาและประเมินความก้าวหน้าในการเรียน

  • เริ่มสร้างพื้นฐานภาษาอังกฤษตั้งแต่เนิ่น ๆ: สำหรับคุณพ่อคุณแม่ การส่งเสริมลูกให้เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ยังเล็กจะช่วยสร้างพื้นฐานแข็งแรง แอปเรียนภาษาอังกฤษอย่าง Monkey Junior ช่วยให้การเรียนรู้สนุกและมีประสิทธิภาพตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ซึ่งจะเป็นรากฐานที่ดีต่อการสอบ TOEIC ในอนาคต

Monkey Junior: แอปเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก (ภาพ: Monkey)

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคะแนนโทอิค

1. ข้อสอบ TOEIC วัดอะไรบ้าง?

ข้อสอบ TOEIC Listening & Reading ใช้วัดความสามารถในการฟังและอ่านภาษาอังกฤษในบริบทการทำงานจริง เช่น การสื่อสารในสำนักงาน การประชุม หรือการอ่านอีเมล โดยมุ่งเน้นที่ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและเชิงธุรกิจ

2. คะแนนโทอิคมีอายุใช้งานนานแค่ไหน?

คะแนนโทอิคโดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งาน 2 ปี นับจากวันสอบ เนื่องจากความสามารถทางภาษาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา หลายสถาบันหรือองค์กรจึงอาจขอคะแนนที่เป็นปัจจุบันมากขึ้นหลังจากครบ 2 ปี

3. สามารถสอบ TOEIC ซ้ำได้บ่อยแค่ไหน?

โดยทั่วไปไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการสอบ TOEIC อย่างไรก็ตาม ศูนย์สอบบางแห่งอาจมีระยะเวลารอขั้นต่ำระหว่างการสอบแต่ละครั้ง เช่น อาจต้องเว้นอย่างน้อย 5 วันทำการก่อนจะสอบครั้งถัดไป ควรตรวจสอบกับศูนย์สอบในพื้นที่ของคุณเพื่อดูข้อกำหนดเฉพาะ

4. หากไม่พอใจกับคะแนนโทอิค สามารถขอพิจารณาคะแนนใหม่ได้ไหม?

สามารถทำได้ โดยคุณสามารถยื่นคำร้องขอให้ตรวจคะแนนใหม่ได้ หากไม่พอใจกับผลสอบ แต่ต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด (เช่น ภายใน 6 เดือนนับจากวันสอบ) และอาจมีค่าธรรมเนียมในการขอพิจารณาใหม่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคะแนนโทอิค (ภาพ: อินเทอร์เน็ต)

การพิชิตคะแนนโทอิคสูง คือการเดินทางที่ผสมผสานระหว่างความเข้าใจรูปแบบข้อสอบ การเตรียมตัวอย่างชาญฉลาด และการใช้กลยุทธ์ทำข้อสอบอย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณนำความรู้เรื่องโครงสร้างข้อสอบ หลักการให้คะแนน และเคล็ดลับในคู่มือนี้ไปปรับใช้ ก็มีโอกาสสูงที่จะเพิ่มคะแนนโทอิคได้อย่างมั่นใจ!

ข้อมูลในบทความนี้ถูกรวบรวมขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการอ้างอิงเท่านั้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า กรุณาตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อรับทราบข้อมูลล่าสุด

บทความล่าสุด

ลงทะเบียนรับคำปรึกษา

และโปรโมชั่น Monkey Stories