คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะพาคุณทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ อธิบายวิธีการคำนวณคะแนนโทอิค และที่สำคัญที่สุดคือ แนะนำเคล็ดลับและกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริง เพื่อช่วยให้คุณพิชิตคะแนนโทอิคในฝันได้อย่างมั่นใจ มาเริ่มต้นปลดล็อกเส้นทางสู่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการกันเลย
ความหมายของแต่ละระดับคะแนนโทอิค
แม้ว่าการสอบ TOEIC จะไม่มีผลสอบผ่านหรือไม่ผ่าน แต่คะแนนโทอิคสามารถสะท้อนระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของคุณในการสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน โดยคะแนนจะแบ่งออกเป็น 6 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับจะบ่งบอกถึงศักยภาพในการใช้ภาษาอังกฤษที่แตกต่างกันออกไป
ช่วงคะแนน TOEIC |
ระดับความเชี่ยวชาญ |
ความหมาย |
905 - 990 |
International Professional Proficiency |
สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมืออาชีพในทุกสถานการณ์ |
785 - 900 |
Working Proficiency Plus |
สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการได้บ่อยครั้ง |
605 - 780 |
Limited Working Proficiency |
สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานได้อย่างจำกัด แต่สามารถสื่อสารทั่วไปได้ |
405 - 600 |
Elementary Proficiency Plus |
สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนาและการสื่อสารแบบเห็นหน้ากัน |
255 - 400 |
Elementary Proficiency |
สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างจำกัด โดยสามารถสนทนาแบบเห็นหน้ากันด้วยประโยคที่ไม่ซับซ้อน |
10 - 250 |
Basic Proficiency |
สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการเอาตัวรอดได้เท่านั้น |
โครงสร้างข้อสอบ TOEIC และวิธีคำนวณคะแนนโทอิค
TOEIC (Test of English for International Communication) เป็นการสอบแบบปรนัยทั้งหมด โดยคะแนนโทอิคเต็มอยู่ที่ 990 คะแนน ข้อสอบประกอบด้วย 200 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 พาร์ตหลักอย่างละ 100 ข้อ ได้แก่ พาร์ตการฟัง (Listening) และพาร์ตการอ่าน (Reading)
ภาพรวมรูปแบบข้อสอบ TOEIC:
พาร์ต |
หมวด |
จำนวนข้อ |
รายละเอียด |
Part 1 |
Listening |
6 ข้อ |
ดูภาพแล้วฟัง 4 ประโยค เลือกประโยคที่อธิบายภาพได้ตรงที่สุด |
Part 2 |
Listening |
25 ข้อ |
ฟังคำถามหรือข้อความ แล้วเลือกคำตอบที่เหมาะสมที่สุด |
Part 3 |
Listening |
39 ข้อ |
ฟังบทสนทนา 2-3 คน แล้วตอบคำถามเกี่ยวกับบทสนทนานั้น |
Part 4 |
Listening |
30 ข้อ |
ฟังคำพูดหรือประกาศสั้น ๆ แล้วตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง |
Part 5 |
Reading |
30 ข้อ |
เติมคำหรือวลีที่เหมาะสมในแต่ละประโยค |
Part 6 |
Reading |
16 ข้อ |
เติมคำหรือประโยคในข้อความสั้น ๆ ให้สมบูรณ์ |
Part 7 |
Reading |
54 ข้อ |
อ่านบทความ (เดี่ยว คู่ หรือสามบทความ) แล้วตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง |
แต่ละพาร์ต (Listening และ Reading) มีคะแนนตั้งแต่ 5 ถึง 495 คะแนน รวมแล้ว คะแนนโทอิคทั้งหมดอยู่ในช่วง 10 - 990 คะแนน ตารางประเมินคะแนนโทอิคตามจำนวนข้อถูก:
จำนวนข้อถูก |
คะแนนประมาณการ |
พาร์ต Listening |
|
27 |
60 |
56 |
275 (ระดับ B1) |
75 |
390 |
89 |
470 |
93+ |
495 (เต็ม) |
พาร์ต Reading |
|
30 |
ต่ำกว่า 110 |
39 |
110 |
63 |
275 (ระดับ B1) |
75 |
390 |
95 |
470 |
100 |
495 (เต็ม) |
เปรียบเทียบคะแนนโทอิคกับมาตรฐาน CEFR
CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) คือมาตรฐานสากลที่ใช้ในการอธิบายระดับความสามารถทางภาษาใน 4 ทักษะหลัก ได้แก่ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด แม้ว่าข้อสอบ TOEIC จะวัดเฉพาะทักษะการฟังและการอ่านเป็นหลัก แต่สามารถใช้คะแนนโทอิคเพื่อประมาณระดับ CEFR ได้
การจับคู่คะแนนโทอิคกับระดับ CEFR:
-
A1 (ระดับเริ่มต้น): คะแนนโทอิค 120 - 220 ผู้เรียนสามารถเข้าใจและใช้สำนวนทั่วไปในชีวิตประจำวัน และวลีพื้นฐานเพื่อแสดงความต้องการพื้นฐานได้
-
A2 (ระดับพื้นฐาน): คะแนนโทอิค 225 - 545 สามารถสื่อสารในงานง่าย ๆ ที่ต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยตรง และเข้าใจสำนวนที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
-
B1 (ระดับกลาง): คะแนนโทอิค 550 - 780 สามารถรับมือกับสถานการณ์ทั่วไปในที่ทำงานหรือระหว่างการเดินทาง และเขียนข้อความเชื่อมโยงง่าย ๆ ในหัวข้อที่คุ้นเคย
-
B2 (ระดับกลางค่อนสูง): คะแนนโทอิค 785 - 940 สามารถเข้าใจบทความซับซ้อน สนทนาได้อย่างคล่องแคล่ว และแสดงความคิดเห็นในหัวข้อหลากหลายได้ชัดเจน
-
C1 (ระดับสูง): คะแนนโทอิค 945 - 990 แสดงถึงความสามารถในการเข้าใจเนื้อหายาก ใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว มีประสิทธิภาพ และแม่นยำ
คะแนนโทอิคขั้นต่ำที่แนะนำสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
TOEIC (Test of English for International Communication) เป็นการทดสอบที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในสถาบันการศึกษาและองค์กรต่าง ๆ เพื่อประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย เช่น การสำเร็จการศึกษา การสมัครงาน หรือการเลื่อนตำแหน่ง แต่ละกลุ่มบุคคลอาจต้องมีคะแนนโทอิคขั้นต่ำที่แตกต่างกัน
คะแนนโทอิคขั้นต่ำที่แนะนำตามกลุ่ม:
-
นักเรียนมัธยมปลาย: แนะนำ ขั้นต่ำ 350 - 450 คะแนน คะแนนระดับนี้แสดงถึงความสามารถในการสื่อสารขั้นพื้นฐาน และเข้าใจภาษาอังกฤษพูดและเขียนแบบง่าย ๆ
-
นักศึกษามหาวิทยาลัย: แนะนำ ขั้นต่ำ 500 - 650 คะแนน สะท้อนความสามารถระดับกลาง เหมาะสำหรับการอ่านบทความเชิงวิชาการและเข้าร่วมการสนทนาในห้องเรียน
-
ผู้สมัครงาน / นักศึกษาจบใหม่: แนะนำ ขั้นต่ำ 600 - 750 คะแนน สามารถเข้าใจอีเมล งานนำเสนอ และการสื่อสารในสถานที่ทำงานได้ดี
-
พนักงานที่ทำงานแล้ว (ใช้สำหรับเลื่อนตำแหน่งหรือโยกย้ายระหว่างประเทศ): แนะนำ ขั้นต่ำ 750 - 850 คะแนน สะท้อนทักษะภาษาอังกฤษระดับกลางค่อนสูง ถึงระดับสูง ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานในสภาพแวดล้อมธุรกิจระดับสากล
-
ผู้เชี่ยวชาญในบริษัทข้ามชาติหรือผู้บริหาร: แนะนำ ขั้นต่ำ 850 - 900 คะแนนขึ้นไป แสดงถึงความสามารถทางภาษาอังกฤษขั้นสูง สามารถรับมือกับสถานการณ์ซับซ้อน เช่น การเจรจาและการตัดสินใจทางธุรกิจ
เคล็ดลับในการทำคะแนนโทอิคให้สูง
การทำคะแนนโทอิคให้สูงไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้ภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ยังต้องมี กลยุทธ์ การเตรียมตัว และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนหรือนักทำงาน เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยเพิ่มคะแนนโทอิคของคุณ และเปิดประตูสู่โอกาสทางการศึกษาและการทำงานที่ดียิ่งขึ้น
-
ทำความเข้าใจรูปแบบข้อสอบ TOEIC: เริ่มจากการศึกษารูปแบบข้อสอบซึ่งมีทั้งหมด 200 ข้อ แบบปรนัย แบ่งเป็น 2 พาร์ต: การฟัง (Listening) และการอ่าน (Reading) การรู้ล่วงหน้าว่าจะเจอกับอะไรจะช่วยลดความเครียดในวันสอบและเพิ่มสมาธิได้มากขึ้น
-
ฝึกฟังภาษาอังกฤษทุกวัน: ใช้สื่อเสียงภาษาอังกฤษ เช่น พอดแคสต์ ข่าว หรือแบบฝึกหัด Listening ของ TOEIC ฝึกจับใจความสำคัญ รายละเอียดเฉพาะ น้ำเสียง และเจตนาของผู้พูด
-
เพิ่มคลังคำศัพท์ให้หลากหลาย: ทบทวนคำศัพท์ที่พบบ่อยในข้อสอบ โดยเฉพาะคำศัพท์ในบริบทธุรกิจ ใช้แฟลชการ์ดหรือแอปเพื่อทบทวนคำศัพท์เป็นประจำ
-
ฝึกทำข้อสอบจำลอง: ลองทำข้อสอบ TOEIC เต็มชุดในสภาพแวดล้อมเหมือนจริง เพื่อฝึกบริหารเวลาและประเมินความก้าวหน้าในการเรียน
-
เริ่มสร้างพื้นฐานภาษาอังกฤษตั้งแต่เนิ่น ๆ: สำหรับคุณพ่อคุณแม่ การส่งเสริมลูกให้เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ยังเล็กจะช่วยสร้างพื้นฐานแข็งแรง แอปเรียนภาษาอังกฤษอย่าง Monkey Junior ช่วยให้การเรียนรู้สนุกและมีประสิทธิภาพตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ซึ่งจะเป็นรากฐานที่ดีต่อการสอบ TOEIC ในอนาคต
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคะแนนโทอิค
1. ข้อสอบ TOEIC วัดอะไรบ้าง?
ข้อสอบ TOEIC Listening & Reading ใช้วัดความสามารถในการฟังและอ่านภาษาอังกฤษในบริบทการทำงานจริง เช่น การสื่อสารในสำนักงาน การประชุม หรือการอ่านอีเมล โดยมุ่งเน้นที่ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและเชิงธุรกิจ
2. คะแนนโทอิคมีอายุใช้งานนานแค่ไหน?
คะแนนโทอิคโดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งาน 2 ปี นับจากวันสอบ เนื่องจากความสามารถทางภาษาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา หลายสถาบันหรือองค์กรจึงอาจขอคะแนนที่เป็นปัจจุบันมากขึ้นหลังจากครบ 2 ปี
3. สามารถสอบ TOEIC ซ้ำได้บ่อยแค่ไหน?
โดยทั่วไปไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการสอบ TOEIC อย่างไรก็ตาม ศูนย์สอบบางแห่งอาจมีระยะเวลารอขั้นต่ำระหว่างการสอบแต่ละครั้ง เช่น อาจต้องเว้นอย่างน้อย 5 วันทำการก่อนจะสอบครั้งถัดไป ควรตรวจสอบกับศูนย์สอบในพื้นที่ของคุณเพื่อดูข้อกำหนดเฉพาะ
4. หากไม่พอใจกับคะแนนโทอิค สามารถขอพิจารณาคะแนนใหม่ได้ไหม?
สามารถทำได้ โดยคุณสามารถยื่นคำร้องขอให้ตรวจคะแนนใหม่ได้ หากไม่พอใจกับผลสอบ แต่ต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด (เช่น ภายใน 6 เดือนนับจากวันสอบ) และอาจมีค่าธรรมเนียมในการขอพิจารณาใหม่
การพิชิตคะแนนโทอิคสูง คือการเดินทางที่ผสมผสานระหว่างความเข้าใจรูปแบบข้อสอบ การเตรียมตัวอย่างชาญฉลาด และการใช้กลยุทธ์ทำข้อสอบอย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณนำความรู้เรื่องโครงสร้างข้อสอบ หลักการให้คะแนน และเคล็ดลับในคู่มือนี้ไปปรับใช้ ก็มีโอกาสสูงที่จะเพิ่มคะแนนโทอิคได้อย่างมั่นใจ!